บัคกี้และอาร์คัสจะสามารถกลับมาช่วยพวกกัปตันได้ทันเวลาหรือไม่
เหล่าอินเวเดอร์จะสามารต้านทานพลังของอิคาริสและกลับไปยังโลกได้หรือเปล่า
นี่คือบทสุดท้ายของการต่อสู้ในฮาลาเพื่อแย่งชิงเสียงกระซิบแห่งเทพ
All-New Invaders #5
Gods and Soldiers Part Five
เรื่องโดย : James Robinson | ภาพโดย : Steve Pugh, Guru eFX
วางจำหน่าย : 28 พฤษภาคม 2014
สำนักพิมพ์ : Marvel Comics
ผู้สปอยล์ : Musashi
เหล่าอินเวเดอร์จะสามารต้านทานพลังของอิคาริสและกลับไปยังโลกได้หรือเปล่า
นี่คือบทสุดท้ายของการต่อสู้ในฮาลาเพื่อแย่งชิงเสียงกระซิบแห่งเทพ
All-New Invaders #5
Gods and Soldiers Part Five
เรื่องโดย : James Robinson | ภาพโดย : Steve Pugh, Guru eFX
วางจำหน่าย : 28 พฤษภาคม 2014
สำนักพิมพ์ : Marvel Comics
ผู้สปอยล์ : Musashi
เทพเจ้าและทหารหาญ ตอนที่ 5
(คลิ๊กที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่)
เปิดฉากมาในตอนที่ อาร์คัส (Aarkus) เดอะออริจินัลวิชั่น ทิ้งให้บัคกี้ หรือ วินเทอร์โซลเยอร์ (Winter Soldier) อยู่ต่อสู้กับทานัลธ์ (Tanalth) เพียงลำพัง
Aarkus : แล้วข้าจะกลับมา วินเทอร์โซลเยอร์
Winter Soldier : เดี๋ยวเซ่ อะไรนะ ?
ฮาลา ดาวมาตุภูมิของครี
3 นาทีก่อน
Winter Soldier : งั้น นี่คือแผนนะ...
Winter Soldier : ในกรณีที่เราโดนจับนะ อาร์คัส ซึ่งแคปมั่นใจว่าเราต้องโดนจับแน่ๆ--
เหนือท้องฟ้าแมนฮัตตัน
ก่อนหน้านี้
กัปตันอเมริกา (Captain America) บอกว่าบัคกี้ต้องแกล้งตายเพื่อทำตามแผน แต่เขาก็บ่นว่าทำไมเขาต้องตายอีกแล้ว ทำไมคราวนี้ไม่ให้จิม (Jim Hammond) ตายบ้างละ แต่จิมก็บอกว่าเขาพรางตัวไม่เก่งนี่ เพราะแผนคือให้บัคกี้โจมตีพวกครีและแกล้งทำเป็นโดนยิง โดยแคปให้ยาสำหรับช่วยในการแกล้งตายซึ่งเป็นผลงานของแบนเนอร์ที่สร้างขึ้นมาโดยหวังว่าจะใช้ควบคุมการแปลงร่างเป็นฮัลค์ได้ (ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้ผล)
บัคกี้ซึ่งแกล้งตายหลอกพวกครีและแอบมาช่วยเหลืออาร์คัสได้สำเร็จ บอกกับอาร์คัสว่าภารกิจต่อไปคือการตามหาเสียงกระซิบแห่งเทพ (God's Whisper) โดยบัคกี้บอกว่าถ้าใช้ความสามารถในการเดินทางผ่านควันของอาร์คัสจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเรื่อยๆ ก็คงจะสามารถตามหาว่าเสียงกระซิบแห่งเทพซ่อนอยู่ที่ไหนได้เร็วขึ้น แต่อาร์คัสบอกว่าเขามีวิธีที่จะหาเสียงกระซิบแห่งเทพได้เร็วกว่านั้น แต่เขาต้องการควันจำนวนมาก และระหว่างที่ทั้งคู่กำลังคุยกัน ทานัลธ์ที่รู้ตัวแล้วว่าโดนบัคกี้หลอกก็ตามมาพอดี
ทานัลธ์โจมตีเข้าใส่ทั้งคู่ทันทีและนั่นทำให้เกิดควันจากการระเบิดมากพอที่จะทำให้อาร์คัสใช้เดินทางได้พอดี อาร์คัสจึงเดินทางผ่านควันไปทันที โดยบอกว่านี่เป็นการเดินทางที่เขาต้องทำด้วยตัวเองคนเดียว และทิ้งบัคกี้เอาไว้ รับหน้าทานัลธ์เพียงลำพัง (ตามเหตุการณ์ในหน้าแรก)
ทางด้านแคป จิม และนามอร์ (Namor) ก็กำลังต่อสู้กับอิคาริส (Ikaris) อยู่อย่างยากลำบาก และแคปก็ยอมรับว่าหลังจากที่เขารู้ว่าธอร์และชาวแอสการ์ดหาวิธีป้องกันการถูกควบคุมจากเสียงกระซิบแห่งเทพได้แล้ว เขาเองก็ไม่ทันได้คิดเลยว่าเสียงกระซิบแห่งเทพจะสามารถใช้ควบคุมกับเทพเผ่าพันธ์อื่นๆได้อีก โดยเฉพาะเทพอย่างอิคาริส ผู้แข็งแกร่งที่สุดในเหล่านิรันดร (Eternals)
มันยังดีนะที่พวกมันไม่ส่งเฮอร์คิวลีสมาเล่นงานพวกเราด้วย
...หรือพวกเทพที่สาปสูญของดาวเสาร์ที่เราไม่เคยได้ยินมาก่อน
ยังดี...
ยังดีที่...
...เป็นไปตามแผน ชั้นรู้ว่ามันต้องเป็นแบบนั้น
แค่ต้องทำให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปอีกหน่อย...
...จนกว่าบัคกี้จะกลับมา
Namor : ถึงแม้ว่าชั้นไม่อยากจะยอมรับมันนักนะ อีเทอร์นัล...
Namor : ...แต่มันก็เป็นเพราะความทรนงและเย่อหยิ่งของชั้นเองที่เป็นต้นเหตุของเรื่องวุ่นวายนี้ ชั้นอาจจะสาบานได้เลยว่าชั้นไม่มีทางกลับไปทรนงได้เหมือนเดิมอีก
Namor : ...แต่นั่นชั้นก็คงก็โกหกแล้ว เพราะฉะนั้น... ทางที่ดีที่สุด-- ไม่ใช่สิ ทางเดียวที่ชั้นจะชดเชยได้...
ว่าแล้วนามอร์ก็เสยปลายคางอิคาริสเข้าให้
Namor : ...ก็คือหยุดนายซะ อิคาริส
ส่วนทางด้านบัคกี้ก็ทำได้เพียงคอยหลบการโจมตีของทานัลธ์เพียงอย่างเดียว
Winter Soldier : งั้นมาเริ่มเกมกันเลย น้องสาว
Winter Soldier : ...จับชั้นให้ได้สิ!
ยังกะเล่นไล่จับ ดูปัญญาอ่อนยังไงก็ไม่รู้ >___<"
Jim Hammond : ไม่เอาน่า อิคาริส ชั้นรู้ว่านายแกร่ง จิตใจนายก็แกร่ง ชั้นรู้ว่านาย--
Jim Hammond : ชั้นรู้ว่านายทำได้-- อย่ายอมให้พวกครีควบคุมนายได้--
Ikaris : ชั้น--ทำไม่ได้---พยายามแล้วแต่--อย่างน้อย--ที่ชั้นพอทำได้คือ--คือ--ไม่โจมตีนายด้วยพลังเต็มที่ของ-- ของชั้น แต่--แรงกระตุ้นที่จะฆ่า-- นาย--
Jim Hammond : --มันครอบงำชั้น!
อิคาริสที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ซัดจิมกระเด็นไป
Namor : เทพไม่มีแล้ว ยอมรับซะเถอะจิม เรากำลังสู้กับหุ่นเชิดอยู่
Namor : ...ทางที่ดีที่สุดก็คือตัดเชือกซะ!
ทางด้านแคปก็กำลังคุยอยู่กับซูพรีมอินเทลลิเจินซ์ (Supreme Intelligence)
Supreme Intelligence : พรรคพวกของเจ้ากำลังเหนื่อยแล้ว กัปตัน! ทีละน้อย ทีละน้อย ในอีกไม่นานพวกมันก็จะหมดแรงและล้มลง
Captain America : ชั้นหวังว่าโรนันจะอยู่ตรงนี้ด้วยจริงๆ
Supreme Intelligence : เขาไม่มีเวลาอยู่สงบสุขหรอก ชีวิตของเขาก็คือกองทหารของเขานั่นแหละ
Captain America : ใช่ ชั้นพอจะรู้ว่าเขาเป็นคนยังไงจากช่วงสงครามกับพวกเหล่าผู้สร้าง (อีเวนต์อินฟินิตี้ ถ้าใครยังไม่เคยอ่าน คลิ๊กที่นี่) ความมีเกียรติยศที่เขาต้องพยายามเอามันไปหลบซ่อนเอาไว้และคอยแต่ปฏิบัติตามคำสั่ง ชั้นอยากรู้ว่าเขาจะทำยังไงเมื่อรู้เรื่องที่นายกำลังทำอยู่นี่
Supreme Intelligence : โรนันและเหล่าทหารของเขาออกไปทำภารกิจสำคัญให้แก่อาณาจักรในที่ๆห่างไกลออกไป-- ภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย
Supreme Intelligence : ข้าเลือกให้เขาไปเองเพื่อที่เขาจะได้ไม่อยู่ที่นี่ในตอนนี้
Supreme Intelligence : ผู้นำที่ชาญฉลาดเลือกทั้งสมรภูมิและทหารที่จะต่อสู้ โรนันให้ความนับถือในตัวเจ้าซึ่งข้าคิดดีแล้วว่าไม่ควรนำเรื่องนี้มาเสี่ยง ในขณะที่ทานัลธ์ต้องการพิสูจน์ตัวเอง เธอมีความทะเยอทะยานและเหนืออื่นใด เธอจงรักภักดี
Captain America : โอ้ เธอเป็นคนที่น่าจับตาเลยละ ชั้นต้องยอมรับเธอเลย
Supreme Intelligence : ข้ามีเรื่องประหลาดใจอยู่นะ กัปตัน--
Captain America : ประหลาดใจ ? นายเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์นะ ซูพรีเมอร์-- ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ แต่ก็เป็นสิ่งมีชีวิตแห่งตรรกะบริสุทธิ์ อะไรที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้--ทั้งหมดนี่--ควรจะเป็นแค่ข้อมูล ไม่ใช่อะไรที่ทำให้นายประหลาดใจนี่
Supreme Intelligence : ข้าต้องยอมรับนะว่าข้าไม่มั่นใจว่าเจ้ากำลังเยาะเย้ยข้าอยู่รึเปล่า
Captain America : ตัวชั้นเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะงั้นมาเข้าเรื่องกันดีกว่า ซูพรีเมอร์ อะไรที่ทำให้นายประหลาดใจกันละ ?
ในขณะที่กัปตันอเมริกาเอาแต่ยืนคุยกับซูพรีมอินเทลลิเจินซ์ เหล่าอินเวเดอร์คนอื่นๆ ก็ยังคงต่อสู้อยู่ต่อไป
Supreme Intelligence : เจ้าไงละ กัปตันผู้กล้าหาญและเกรียงไกร แต่ตอนนี้ความกล้าหาญของเจ้าหายไปไหนหมดสิ้นแล้ว เจ้าไม่ไปนำสหายของเจ้าต่อสู้กลับมัวเอาแต่ยืนคุยอยู่
Supreme Intelligence : นั่นจะใช่ว่าเจ้ายอมรับการจับกุมแล้วรึเปล่า ?
Captain America : ความผิดพลาดแรกของนายก็คือ การคิดว่าชั้นถูกพวกนายจับตัวได้ แต่ความจริงแล้วนายต่างหากที่ติดกับของพวกเราตั้งแต่พวกเรามาถึงที่นี่แล้ว
Captain America : และพลังของจิมก็ไม่ใช่แค่ปล่อยระเบิดเพลิง... เขาสามารถควบคุมกัมมันตรังสีในเปลวไฟของตัวเองได้ ซึ่งเขาก็ค่อยๆ เพิ่มมันในอากาศรอบๆ ตัวเรามาตลอดเวลาเพื่อเตรียมตัวสำหรับการระเบิดครั้งสุดท้าย ส่วนชั้นต้านทานได้อยู่แล้ว นามอร์ก็แข็งแกร่งพอที่จะทนรับมันไว้ได้ แต่ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าพวกทหารของนายจะทนได้ด้วยรึเปล่านะ
Captain America : ตอนนี้แหละ จิม!
Jim Hammond : ได้เลย!
แล้วจิมก็ระเบิดพลังไฟของเขาออกมาจน พวกทหารครีต่างล้มลงไปหมด ไม่รู้ว่าเพราะทนความร้อนไม่ไหว หรือเพราะแพักัมมันตรังสีจากไฟของจิมกันแน่
Captain America : แล้วก็มาถึงคิวของชั้น...
Captain America : ...ที่จะทำยังงี้!
กัปตันวิ่งฝ่าพวกทหารครีที่ต่างล้มระเนระนาดแล้วกระโดดปาโล่เข้าใส่ซูพรีมอินเทลลิเจินซ์ทันที
Captain America : ฝีมือของโทนี่ สตาร์ค--เขาเริ่มสร้างมันตั้งแต่วันหลังจากจบสงครามกับเหล่าผู้สร้าง-- นาไนต์ที่เคลือบโล่ของชั้นอยู่... เข้ารหัสไว้กับซูเปอร์ไวรัส...
Captain America : ...สำหรับคอมพิวเตอร์ และทั้งหมดก็เป็นไปตามที่ชั้นคาดการณ์ไว้...
แล้วทานัลธ์กับบัคกี้ที่เพิ่งเล่นไล่จับกันเสร็จก็โผล่มาพอดี
Tanalth : ซูพรีเมอร์-- เขา-- เจ้าทำอะไรกับเขา ?
Captain America : เย็นไว้ แม่นักล่า! อย่าแม้แต่จะคิดบึ้มใส่ชั้น...หรือพวกเราคนไหน สำหรับเรื่องนี้... ชั้นปิดเครื่องซูพรีมอินเทลลิเจินซ์ของเธอไปแล้ว และชั้นก็สามารถที่จะเปิดเครื่องเขาใหม่ได้อีกครั้ง
Captain America : แต่ชั้นจะไม่ทำจนกว่าเธอจะทำตัวดีๆ นำเสียงกระซิบแห่งเทพมาที่นี่และสั่งให้หยุดอิคาริสซะ
Aarkus : ไม่จำเป็นแล้วกัปตัน ข้าจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว
อาร์คัสที่กลับมาพอดี พร้อมกับพามัคคาริ (Makkari) หนึ่งในเหล่านิรันดรมาด้วย (ผู้ซึ่งมีความเร็วสูงสุดในเหล่านิรันดรและน่าจะเร็วที่สุดในจักรวาลมาร์เวลด้วย) และดูเหมือนว่าพวกเขาจะหาเสียงกระซิบแห่งเทพพบแล้วและสามารถหยุดอิคาริสได้แล้ว
แล้วอยู่ดีๆ ก็ตัดฉากกลับมาที่โลกกันง่ายๆเลย เอิ่ม...
Namor : งั้นก่อนที่ชั้นจะไป สตีฟ... จิม... ชั้นอยากจะพูดว่า...
Captain America : นามอร์ การขอโทษมันเหมาะกับนายพอๆ กับชั้นใส่เสื้อเสวตเตอร์สีส้มนั่นแหละ เรากลับมาถึงโลกแล้ว และสำคัญกว่านั้นคือนายก็รอดพ้นพวกครีและกลับมาด้วย มันจบแค่นี้แหละ
Namor : ถ้านายต้องรู้นะ ชั้นไม่ได้คิดจะขอโทษซักหน่อย
Jim Hammond : โอ้ งั้นบางทีนายน่าจะคิดซักหน่อยนะ
Namor : อะไรที่ชั้นกำลังจะพูดคือครั้งนี้... พวกเราสามคน--สี่ ชั้นว่างั้น รวมวินเทอร์โซลเยอร์ด้วย...
Namor : ...ชั้นหวังว่าจะมีพวกเขามากกว่านี้อีกนะ
แล้วนามอร์ก็บินจากไป (ตรงนี้เข้าใจว่านามอร์ต้องการจะสื่อว่าเขาดีใจที่ได้กลับมาร่วมทีมต่อสู้ร่วมกับแคปและจิมอีกเหมือนเมื่อสมัยสงครามโลก และเขายังหวังว่าถ้ามีคนอื่นๆ ที่อยู่ในทีมเดียวกันสมัยนั้นได้กลับมาเจอกันอีกก็คงดีอะไรงี้ แต่คงเป็นไปไม่ได้แล้วเพราะฮีโร่คนอื่นในยุคนั้นก็ตายกันไปตามกาลเวลาหมดแล้ว แค่มาร์เวลแถให้ทั้งแคป ทั้งจิม ทั้งบัคกี้ยังมีชีวิตอยู่มาถึงยุคปัจจุบันได้นี่ก็สุดยอดแล้วนะ ฮ่าๆๆ)
Captain America : เหลือแต่นายกับชั้นแล้ว จิม
Jim Hammond : เย่ นามอร์ไปแล้ว และมีแต่พระเจ้าที่รู้ว่าบัคกี้ไปหลบอยู่ที่ไหน ชั้นก็ว่างั้นแหละ ว่าแต่นายคิดว่าเราทำถูกมั๊ยที่ให้เหล่านิรันดรเอาเสียงกระซิบแห่งเทพไป ?
Captain America : ก็ หลังจากที่มัคคาริวิ่งไปทั่วฮาลาเพื่อตามหามันและตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกครีไม่มีเทคโนโลยีอะไรเหลือพอที่จะสร้างอันใหม่ได้อีก และพาเรากลับมายังโลกก่อนที่ซูพรีมอินเทลลิเจินซ์จะรีบู้ตตัวเอง... ชั้นไม่คิดว่าพวกเรามีตัวเลือกมากนักอ่ะนะ
Jim Hammond : แปลกตรงที่อาร์คัสไปกับพวกนั้นด้วยนั่นแหละ เขารู้ได้ยังไงด้วยว่าจะหาพวกนิรันดรได้ที่ไหน ?
Captain America : นั่นก็เป็นคำถามที่ชั้นอยากจะตอบนะ แน่นอน ชั้นหมายถึง ใช่ หมอนั่นมีแนวทางของตัวเอง แต่ชั้นยอมรับว่าอะไรบางอย่างเรื่องนี้มันไม่ถูกต้อง ยังไงซะถ้ามันจำเป็นต้องจัดการ เราก็จะจัดการ นั่นคืออะไรที่พวกเราทำใช่มั๊ยล่ะ ?
หลังจากนั้นกัปตันก็พูดถึงเรื่องเกี่ยวกับตัวจิม เรื่องที่จิมพยายามหลบซ่อนตัวเองไว้ เพราะเขาคิดว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์ แต่กัปตันบอกว่าเขาไม่ใช่ทั้งหุ่นยนต์ ไม่ใช่ทั้งแอนดรอยด์ แต่เขาเป็นอะไรที่พิเศษกว่านั้น นั่นคือมนษย์สังเคราะห์ที่แท้จริง เพราะเขามีแม้แต่กล้ามเนื้อ กระดูก และเลือด
Captain America : นายวิ่งหนีด้วยความกลัวมาตลอด แต่กลัวอะไรล่ะ ? ปัจจุบัน ? วันนี้ ? ย้อนกลับไปตอนที่ละลายออกมาจากน้ำแข็ง ชั้นลืมตามาเห็นเทพเจ้า (ธอร์) มนุษย์เหล็ก (ไอร่อนแมน) แล้วก็ยักษ์ (ไจแอนท์แมน) กำลังยืนจ้องมองชั้นอยู่--ชั้นรู้ว่าพวกเขาไม่มีวันรู้ถึงความเศร้าที่ชั้นรู้สึกอยู่ทุกวันเมื่อชั้นเห็นว่าโลกมันกลายเป็นยังไงหรอก
Captain America : ฟังนะ บัคกี้ตายไปแล้วอย่างเป็นทางการ และเขาต้องอยู่สถานะนั้นไปตลอด ส่วนนามอร์ก็คือนามอร์นั่นแหละ ชั้นต้องการนายมาร่วมทีม มาก้าวไปด้วยกัน ชั้นต้องการใครบางคนในใจกลางของ--ของความมืดที่น่ากลัวนี่ ใจกลางของโลกที่น่าผิดหวังนี่--เพราะว่าชั้นไม่สามารถทำมันคนเดียวได้
Jim Hammond : สุนทรพจน์นายยอดไปเลยนะ
Captain America : ขอบใจ ฝึกมาตลอดน่ะ ฟูมฟายไปหรอ ?
Jim Hammond : ไม่ ไม่ มันดีแล้ว แล้วนายอยากจะให้ชั้นทำอะไรล่ะ
Captain America : อย่างที่้ชั้นพูดนะ จิม ชั้นต้องการนายมาอยู่ข้างในของทุกๆ อย่าง เพราะงั้น...
Captain America : ยินดีต้อนรับสู่ชิลด์ เอเจนท์แฮมมอนด์
อ้าว! พี่เป็นผู้บัญชาการชิลด์ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ถึงอยากจะรับใครเข้าชิลด์ก็รับเองได้เลยเนี่ย >_<"
บทส่งท้าย
Ikaris : พวกครีต้องชดใช้สำหรับอะไรที่พวกมันทำ... มันจะต้องเกิดจากสิ่งประดิษฐ์ของพวกมันเอง เสียงกระซิบแห่งเทพ--
Thena : นายแน่ใจว่านี่มันจะได้ผลนะ อาร์คัส ?
แน่นอนสิ ทีน่า (Thena) ข้ามั่นใจ... แม้ว่าสำหรับ "เทพ" อย่างเขาแล้ว มันจะต้องการเวลาสำหรับเครื่องมือในการควบคุมโดยสมบูรณ์ แต่ที่ไหนจะดีไปกว่าเนกาทีฟโซนสำหรับการปล่อยให้เวลาผ่านไปล่ะ ?
ทีน่า เป็นหนึ่งในเหล่านิรันดร และครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นผู้นำของเหล่านิรันดร (Prime Eternal) ด้วยครับ
และ "เทพ" ที่พวกเขากำลังพูดถึงกันอยู่ก็คือ กระสอบทราย เอ๊ย! ผู้กลืนกินดวงดาวแห่งอวกาศ ท่านพ่อตากาแลคตัส (Galactus) นี่เอง
Aarkus : และเมื่อวันหนึ่งที่กาแลคตัสถูกควบคุมได้แล้ว... เขาจะกลายเป็นอาวุธที่นายต้องการ
จบเล่ม 5.
***อ่านจบแล้วก็คอมเมนท์กันหน่อยสิเธอว์***
------------------------------------------------------------------------------------------
คุยกันท้ายเล่ม
เล่มนี้ก็ปิดฉากเหตุการณ์ในฮาลาไปแล้ว แถมตัดบทกันง่ายๆเลย แต่ก็ทิ้งท้ายเอาไว้น่าติดตามมากว่าเหล่านิรันดรจะต้องการควบคุมกาแลคตัสไปทำไม (เพราะจริงๆ แล้วเหล่านิรันดรนี่เป็นฝ่ายดีนะครับ และถือเป็นเทพเจ้าเผ่าพันธ์หนึ่งของจักรวาลมาร์เวล ถูกสร้างโดยเหล่าเซเลสเที่ยล ซึ่งถือเป็นเหล่าเทพเจ้าของจักรวาล) และอาร์คัสมีความสัมพันธ์อะไรกับเหล่านิรันดรกันแน่ ส่วนเล่มต่อไปจะเป็น Tie-In ในส่วนของอีเวนต์ Original Sin ครับ ยังไม่แน่ใจว่าจะทำสปอยล์รึเปล่านะ เพราะตอนนี้อีเวนต์ก็จบไปเรียบร้อยแล้ว ก็ไว้ค่อยว่ากันอีกที
เล่มนี้ก็ปิดฉากเหตุการณ์ในฮาลาไปแล้ว แถมตัดบทกันง่ายๆเลย แต่ก็ทิ้งท้ายเอาไว้น่าติดตามมากว่าเหล่านิรันดรจะต้องการควบคุมกาแลคตัสไปทำไม (เพราะจริงๆ แล้วเหล่านิรันดรนี่เป็นฝ่ายดีนะครับ และถือเป็นเทพเจ้าเผ่าพันธ์หนึ่งของจักรวาลมาร์เวล ถูกสร้างโดยเหล่าเซเลสเที่ยล ซึ่งถือเป็นเหล่าเทพเจ้าของจักรวาล) และอาร์คัสมีความสัมพันธ์อะไรกับเหล่านิรันดรกันแน่ ส่วนเล่มต่อไปจะเป็น Tie-In ในส่วนของอีเวนต์ Original Sin ครับ ยังไม่แน่ใจว่าจะทำสปอยล์รึเปล่านะ เพราะตอนนี้อีเวนต์ก็จบไปเรียบร้อยแล้ว ก็ไว้ค่อยว่ากันอีกที
Musashi
เล่มนี้ปกมันเท่เหลือร้าย
ตอบลบผมชอบพวก Eternals อยากให้มีบทได้ออกมาบ่อยๆ จัง
ปกเล่มนี้เท่มากจริงๆครับ.. ผมเองไม่เคยอ่านซีรีย์ของพวก Eternals เลย แต่คิดว่าที่พวกพี่แกไม่ค่อยมีบท เพราะมาร์เวลทำพลังพวกพี่แกเทพเกินไป เขียนบทยากละมั๊ง แต่ก็อยากให้มีซีรีย์ของตัวเองออกมาอีกรอบเหมือนกัน มันคงน่่าสนุกดีว่าจะให้บทยังไงสำหรับพวกที่เทพๆขนาดนี้
ลบลองดูครับ เอาเล่มใหม่ๆ หน่อย สมัยแจ็ค เคอร์บี้ไม่ต้องอ่านก็ได้ ผมมาอ่าน vol.3-4 แล้ว ที่นีล เกแมนมาเขียนเรื่อง
ลบมันมีส่วนเกี่ยวข้องกับ Dreaming Celestial ที่ยืนหลับจำศีลอยู่ปากอ่าวซานฟรานซิสโกในเล่มของ X-Men ด้วยเหมือนกัน
ที่ชอบพวกนี้เพราะเค้าแต่งได้เหมือนมันเป้นต้นกำเนิดตำนานเทพโบราณๆ ของแนวอินคา มายา กรีกดีครับ
อิคาริส ก็นึกถึงอิคารัส (ที่ติดปีกบินสูงเกินไป โดนแสงอาทิตย์ละลายขี้ผึ้งตกมาตาย)
มอคคาริ ก็เมอคิวรี่ เจ้าแห่งความเร็ว อะไรพวกนี้
ฟังแล้วน่าสนใจ พอพูดถึงอิคารัส เมอคิวรี่ นี่ร้องอ๋อเลย เพิ่งรู้ว่าแผลงชื่อมาแบบนี้นี่เอง ผมชอบพวกตำนานเทพเจ้าอยู่แล้ว แบบนี้เด๋วต้องลองหาอ่านครับ แถมผมชอบอ่านพวกฮีโร่ไม่ค่อยดังซะด้วย.. จริงอยากอ่าน vol.1 ยุคแจ็คเคอร์บี้เลยนะ ชอบลายเส้นแจ็คเคอร์บี้ ไม่รู้จะหาในเน็ตได้อยู่มั๊ย
ลบโถ่ Galactus จะซวยมั้ยเนี่ย55+ ขอบคุณสำหรับสปอลย์ครับ
ตอบลบยินดีครับ อ่านคนเดียวมันส์ไม่พอ มาสปอยล์แล้วแบ่งกันอ่าน มันส์กว่ากันเยอะเลย (แต่เหนื่อยเหมือนกันนะ) ฮ่าๆๆ
ลบตอนนี้รู้สึกจะออกถึงเล่ม 8 แล้วมั๊งครับ ไม่รู้เนื้อเรื่องไปถึงไหนแล้ว ท่านพ่อตาจะโดนอะไรอีกบ้าง เพราะผมก็เพิ่งอ่านถึงแค่เล่ม 5 นี่ล่ะ ไม่ค่อยมีเวลาอ่านเท่าไหร่ อ่านจบก็รีบทำสปอยล์เลย
ขอบคุณครับแปลละเอียดมากครับชอบๆ
ตอบลบปล. เป็นกำลังใจให้นะครับ!