9 กันยายน 2557

All-New Invaders #5 (2014)

บัคกี้และอาร์คัสจะสามารถกลับมาช่วยพวกกัปตันได้ทันเวลาหรือไม่
เหล่าอินเวเดอร์จะสามารต้านทานพลังของอิคาริสและกลับไปยังโลกได้หรือเปล่า
นี่คือบทสุดท้ายของการต่อสู้ในฮาลาเพื่อแย่งชิงเสียงกระซิบแห่งเทพ




 All-New Invaders #5
Gods and Soldiers Part Five
เรื่องโดย : James Robinson | ภาพโดย : Steve Pugh, Guru eFX
วางจำหน่าย : 28 พฤษภาคม 2014
สำนักพิมพ์ : Marvel Comics
ผู้สปอยล์ : Musashi

เทพเจ้าและทหารหาญ ตอนที่ 5

(คลิ๊กที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่)


เปิดฉากมาในตอนที่ อาร์คัส (Aarkus) เดอะออริจินัลวิชั่น ทิ้งให้บัคกี้ หรือ วินเทอร์โซลเยอร์ (Winter Soldier) อยู่ต่อสู้กับทานัลธ์ (Tanalth) เพียงลำพัง

Aarkus : แล้วข้าจะกลับมา วินเทอร์โซลเยอร์

Winter Soldier : เดี๋ยวเซ่ อะไรนะ ?



ฮาลา ดาวมาตุภูมิของครี
3 นาทีก่อน

Winter Soldier : งั้น นี่คือแผนนะ...



Winter Soldier : ในกรณีที่เราโดนจับนะ อาร์คัส ซึ่งแคปมั่นใจว่าเราต้องโดนจับแน่ๆ--

เหนือท้องฟ้าแมนฮัตตัน
ก่อนหน้านี้

กัปตันอเมริกา (Captain America) บอกว่าบัคกี้ต้องแกล้งตายเพื่อทำตามแผน แต่เขาก็บ่นว่าทำไมเขาต้องตายอีกแล้ว ทำไมคราวนี้ไม่ให้จิม (Jim Hammond) ตายบ้างละ แต่จิมก็บอกว่าเขาพรางตัวไม่เก่งนี่ เพราะแผนคือให้บัคกี้โจมตีพวกครีและแกล้งทำเป็นโดนยิง โดยแคปให้ยาสำหรับช่วยในการแกล้งตายซึ่งเป็นผลงานของแบนเนอร์ที่สร้างขึ้นมาโดยหวังว่าจะใช้ควบคุมการแปลงร่างเป็นฮัลค์ได้ (ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้ผล)

บัคกี้ซึ่งแกล้งตายหลอกพวกครีและแอบมาช่วยเหลืออาร์คัสได้สำเร็จ บอกกับอาร์คัสว่าภารกิจต่อไปคือการตามหาเสียงกระซิบแห่งเทพ (God's Whisper) โดยบัคกี้บอกว่าถ้าใช้ความสามารถในการเดินทางผ่านควันของอาร์คัสจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเรื่อยๆ ก็คงจะสามารถตามหาว่าเสียงกระซิบแห่งเทพซ่อนอยู่ที่ไหนได้เร็วขึ้น แต่อาร์คัสบอกว่าเขามีวิธีที่จะหาเสียงกระซิบแห่งเทพได้เร็วกว่านั้น แต่เขาต้องการควันจำนวนมาก และระหว่างที่ทั้งคู่กำลังคุยกัน ทานัลธ์ที่รู้ตัวแล้วว่าโดนบัคกี้หลอกก็ตามมาพอดี



ทานัลธ์โจมตีเข้าใส่ทั้งคู่ทันทีและนั่นทำให้เกิดควันจากการระเบิดมากพอที่จะทำให้อาร์คัสใช้เดินทางได้พอดี อาร์คัสจึงเดินทางผ่านควันไปทันที โดยบอกว่านี่เป็นการเดินทางที่เขาต้องทำด้วยตัวเองคนเดียว และทิ้งบัคกี้เอาไว้ รับหน้าทานัลธ์เพียงลำพัง (ตามเหตุการณ์ในหน้าแรก)

ทางด้านแคป จิม และนามอร์ (Namor) ก็กำลังต่อสู้กับอิคาริส (Ikaris) อยู่อย่างยากลำบาก และแคปก็ยอมรับว่าหลังจากที่เขารู้ว่าธอร์และชาวแอสการ์ดหาวิธีป้องกันการถูกควบคุมจากเสียงกระซิบแห่งเทพได้แล้ว เขาเองก็ไม่ทันได้คิดเลยว่าเสียงกระซิบแห่งเทพจะสามารถใช้ควบคุมกับเทพเผ่าพันธ์อื่นๆได้อีก โดยเฉพาะเทพอย่างอิคาริส ผู้แข็งแกร่งที่สุดในเหล่านิรันดร (Eternals)



มันยังดีนะที่พวกมันไม่ส่งเฮอร์คิวลีสมาเล่นงานพวกเราด้วย

...หรือพวกเทพที่สาปสูญของดาวเสาร์ที่เราไม่เคยได้ยินมาก่อน

ยังดี...

ยังดีที่...

...เป็นไปตามแผน ชั้นรู้ว่ามันต้องเป็นแบบนั้น

แค่ต้องทำให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปอีกหน่อย...

...จนกว่าบัคกี้จะกลับมา



Namor : ถึงแม้ว่าชั้นไม่อยากจะยอมรับมันนักนะ อีเทอร์นัล...

Namor : ...แต่มันก็เป็นเพราะความทรนงและเย่อหยิ่งของชั้นเองที่เป็นต้นเหตุของเรื่องวุ่นวายนี้ ชั้นอาจจะสาบานได้เลยว่าชั้นไม่มีทางกลับไปทรนงได้เหมือนเดิมอีก

Namor : ...แต่นั่นชั้นก็คงก็โกหกแล้ว เพราะฉะนั้น... ทางที่ดีที่สุด-- ไม่ใช่สิ ทางเดียวที่ชั้นจะชดเชยได้...

ว่าแล้วนามอร์ก็เสยปลายคางอิคาริสเข้าให้

Namor : ...ก็คือหยุดนายซะ อิคาริส


ส่วนทางด้านบัคกี้ก็ทำได้เพียงคอยหลบการโจมตีของทานัลธ์เพียงอย่างเดียว

Winter Soldier : งั้นมาเริ่มเกมกันเลย น้องสาว

Winter Soldier : ...จับชั้นให้ได้สิ!



ยังกะเล่นไล่จับ ดูปัญญาอ่อนยังไงก็ไม่รู้ >___<"



Jim Hammond : ไม่เอาน่า อิคาริส ชั้นรู้ว่านายแกร่ง จิตใจนายก็แกร่ง ชั้นรู้ว่านาย--

Jim Hammond : ชั้นรู้ว่านายทำได้-- อย่ายอมให้พวกครีควบคุมนายได้--

Ikaris : ชั้น--ทำไม่ได้---พยายามแล้วแต่--อย่างน้อย--ที่ชั้นพอทำได้คือ--คือ--ไม่โจมตีนายด้วยพลังเต็มที่ของ-- ของชั้น แต่--แรงกระตุ้นที่จะฆ่า-- นาย--



Jim Hammond : --มันครอบงำชั้น!

อิคาริสที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ซัดจิมกระเด็นไป

Namor : เทพไม่มีแล้ว ยอมรับซะเถอะจิม เรากำลังสู้กับหุ่นเชิดอยู่

Namor : ...ทางที่ดีที่สุดก็คือตัดเชือกซะ!


ทางด้านแคปก็กำลังคุยอยู่กับซูพรีมอินเทลลิเจินซ์ (Supreme Intelligence)

Supreme Intelligence : พรรคพวกของเจ้ากำลังเหนื่อยแล้ว กัปตัน! ทีละน้อย ทีละน้อย ในอีกไม่นานพวกมันก็จะหมดแรงและล้มลง



Captain America : ชั้นหวังว่าโรนันจะอยู่ตรงนี้ด้วยจริงๆ

Supreme Intelligence : เขาไม่มีเวลาอยู่สงบสุขหรอก ชีวิตของเขาก็คือกองทหารของเขานั่นแหละ

Captain America : ใช่ ชั้นพอจะรู้ว่าเขาเป็นคนยังไงจากช่วงสงครามกับพวกเหล่าผู้สร้าง (อีเวนต์อินฟินิตี้ ถ้าใครยังไม่เคยอ่าน คลิ๊กที่นี่) ความมีเกียรติยศที่เขาต้องพยายามเอามันไปหลบซ่อนเอาไว้และคอยแต่ปฏิบัติตามคำสั่ง ชั้นอยากรู้ว่าเขาจะทำยังไงเมื่อรู้เรื่องที่นายกำลังทำอยู่นี่

Supreme Intelligence : โรนันและเหล่าทหารของเขาออกไปทำภารกิจสำคัญให้แก่อาณาจักรในที่ๆห่างไกลออกไป-- ภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย
Supreme Intelligence : ข้าเลือกให้เขาไปเองเพื่อที่เขาจะได้ไม่อยู่ที่นี่ในตอนนี้



Supreme Intelligence : ผู้นำที่ชาญฉลาดเลือกทั้งสมรภูมิและทหารที่จะต่อสู้ โรนันให้ความนับถือในตัวเจ้าซึ่งข้าคิดดีแล้วว่าไม่ควรนำเรื่องนี้มาเสี่ยง ในขณะที่ทานัลธ์ต้องการพิสูจน์ตัวเอง เธอมีความทะเยอทะยานและเหนืออื่นใด เธอจงรักภักดี

Captain America : โอ้ เธอเป็นคนที่น่าจับตาเลยละ ชั้นต้องยอมรับเธอเลย

Supreme Intelligence : ข้ามีเรื่องประหลาดใจอยู่นะ กัปตัน--

Captain America : ประหลาดใจ ? นายเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์นะ ซูพรีเมอร์-- ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ แต่ก็เป็นสิ่งมีชีวิตแห่งตรรกะบริสุทธิ์ อะไรที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้--ทั้งหมดนี่--ควรจะเป็นแค่ข้อมูล ไม่ใช่อะไรที่ทำให้นายประหลาดใจนี่

Supreme Intelligence : ข้าต้องยอมรับนะว่าข้าไม่มั่นใจว่าเจ้ากำลังเยาะเย้ยข้าอยู่รึเปล่า

Captain America : ตัวชั้นเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะงั้นมาเข้าเรื่องกันดีกว่า ซูพรีเมอร์ อะไรที่ทำให้นายประหลาดใจกันละ ?



ในขณะที่กัปตันอเมริกาเอาแต่ยืนคุยกับซูพรีมอินเทลลิเจินซ์ เหล่าอินเวเดอร์คนอื่นๆ ก็ยังคงต่อสู้อยู่ต่อไป



Supreme Intelligence : เจ้าไงละ กัปตันผู้กล้าหาญและเกรียงไกร แต่ตอนนี้ความกล้าหาญของเจ้าหายไปไหนหมดสิ้นแล้ว เจ้าไม่ไปนำสหายของเจ้าต่อสู้กลับมัวเอาแต่ยืนคุยอยู่

Supreme Intelligence : นั่นจะใช่ว่าเจ้ายอมรับการจับกุมแล้วรึเปล่า ?



Captain America : ความผิดพลาดแรกของนายก็คือ การคิดว่าชั้นถูกพวกนายจับตัวได้ แต่ความจริงแล้วนายต่างหากที่ติดกับของพวกเราตั้งแต่พวกเรามาถึงที่นี่แล้ว



Captain America : และพลังของจิมก็ไม่ใช่แค่ปล่อยระเบิดเพลิง... เขาสามารถควบคุมกัมมันตรังสีในเปลวไฟของตัวเองได้ ซึ่งเขาก็ค่อยๆ เพิ่มมันในอากาศรอบๆ ตัวเรามาตลอดเวลาเพื่อเตรียมตัวสำหรับการระเบิดครั้งสุดท้าย ส่วนชั้นต้านทานได้อยู่แล้ว นามอร์ก็แข็งแกร่งพอที่จะทนรับมันไว้ได้ แต่ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าพวกทหารของนายจะทนได้ด้วยรึเปล่านะ

Captain America : ตอนนี้แหละ จิม!

Jim Hammond : ได้เลย!



แล้วจิมก็ระเบิดพลังไฟของเขาออกมาจน พวกทหารครีต่างล้มลงไปหมด ไม่รู้ว่าเพราะทนความร้อนไม่ไหว หรือเพราะแพักัมมันตรังสีจากไฟของจิมกันแน่



Captain America : แล้วก็มาถึงคิวของชั้น...
Captain America : ...ที่จะทำยังงี้!

กัปตันวิ่งฝ่าพวกทหารครีที่ต่างล้มระเนระนาดแล้วกระโดดปาโล่เข้าใส่ซูพรีมอินเทลลิเจินซ์ทันที

Captain America : ฝีมือของโทนี่ สตาร์ค--เขาเริ่มสร้างมันตั้งแต่วันหลังจากจบสงครามกับเหล่าผู้สร้าง-- นาไนต์ที่เคลือบโล่ของชั้นอยู่... เข้ารหัสไว้กับซูเปอร์ไวรัส...



Captain America : ...สำหรับคอมพิวเตอร์ และทั้งหมดก็เป็นไปตามที่ชั้นคาดการณ์ไว้...



แล้วทานัลธ์กับบัคกี้ที่เพิ่งเล่นไล่จับกันเสร็จก็โผล่มาพอดี

Tanalth : ซูพรีเมอร์-- เขา-- เจ้าทำอะไรกับเขา ?



Captain America : เย็นไว้ แม่นักล่า! อย่าแม้แต่จะคิดบึ้มใส่ชั้น...หรือพวกเราคนไหน สำหรับเรื่องนี้... ชั้นปิดเครื่องซูพรีมอินเทลลิเจินซ์ของเธอไปแล้ว และชั้นก็สามารถที่จะเปิดเครื่องเขาใหม่ได้อีกครั้ง

Captain America : แต่ชั้นจะไม่ทำจนกว่าเธอจะทำตัวดีๆ นำเสียงกระซิบแห่งเทพมาที่นี่และสั่งให้หยุดอิคาริสซะ



Aarkus : ไม่จำเป็นแล้วกัปตัน ข้าจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว

อาร์คัสที่กลับมาพอดี พร้อมกับพามัคคาริ (Makkari) หนึ่งในเหล่านิรันดรมาด้วย  (ผู้ซึ่งมีความเร็วสูงสุดในเหล่านิรันดรและน่าจะเร็วที่สุดในจักรวาลมาร์เวลด้วย) และดูเหมือนว่าพวกเขาจะหาเสียงกระซิบแห่งเทพพบแล้วและสามารถหยุดอิคาริสได้แล้ว



แล้วอยู่ดีๆ ก็ตัดฉากกลับมาที่โลกกันง่ายๆเลย เอิ่ม...

Namor : งั้นก่อนที่ชั้นจะไป สตีฟ... จิม... ชั้นอยากจะพูดว่า...

Captain America : นามอร์ การขอโทษมันเหมาะกับนายพอๆ กับชั้นใส่เสื้อเสวตเตอร์สีส้มนั่นแหละ เรากลับมาถึงโลกแล้ว และสำคัญกว่านั้นคือนายก็รอดพ้นพวกครีและกลับมาด้วย มันจบแค่นี้แหละ

Namor : ถ้านายต้องรู้นะ ชั้นไม่ได้คิดจะขอโทษซักหน่อย

Jim Hammond : โอ้ งั้นบางทีนายน่าจะคิดซักหน่อยนะ

Namor : อะไรที่ชั้นกำลังจะพูดคือครั้งนี้... พวกเราสามคน--สี่ ชั้นว่างั้น รวมวินเทอร์โซลเยอร์ด้วย...



Namor : ...ชั้นหวังว่าจะมีพวกเขามากกว่านี้อีกนะ

แล้วนามอร์ก็บินจากไป (ตรงนี้เข้าใจว่านามอร์ต้องการจะสื่อว่าเขาดีใจที่ได้กลับมาร่วมทีมต่อสู้ร่วมกับแคปและจิมอีกเหมือนเมื่อสมัยสงครามโลก และเขายังหวังว่าถ้ามีคนอื่นๆ ที่อยู่ในทีมเดียวกันสมัยนั้นได้กลับมาเจอกันอีกก็คงดีอะไรงี้ แต่คงเป็นไปไม่ได้แล้วเพราะฮีโร่คนอื่นในยุคนั้นก็ตายกันไปตามกาลเวลาหมดแล้ว แค่มาร์เวลแถให้ทั้งแคป ทั้งจิม ทั้งบัคกี้ยังมีชีวิตอยู่มาถึงยุคปัจจุบันได้นี่ก็สุดยอดแล้วนะ ฮ่าๆๆ)



Captain America : เหลือแต่นายกับชั้นแล้ว จิม

Jim Hammond : เย่ นามอร์ไปแล้ว และมีแต่พระเจ้าที่รู้ว่าบัคกี้ไปหลบอยู่ที่ไหน ชั้นก็ว่างั้นแหละ ว่าแต่นายคิดว่าเราทำถูกมั๊ยที่ให้เหล่านิรันดรเอาเสียงกระซิบแห่งเทพไป ?

Captain America : ก็ หลังจากที่มัคคาริวิ่งไปทั่วฮาลาเพื่อตามหามันและตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกครีไม่มีเทคโนโลยีอะไรเหลือพอที่จะสร้างอันใหม่ได้อีก และพาเรากลับมายังโลกก่อนที่ซูพรีมอินเทลลิเจินซ์จะรีบู้ตตัวเอง... ชั้นไม่คิดว่าพวกเรามีตัวเลือกมากนักอ่ะนะ

Jim Hammond : แปลกตรงที่อาร์คัสไปกับพวกนั้นด้วยนั่นแหละ เขารู้ได้ยังไงด้วยว่าจะหาพวกนิรันดรได้ที่ไหน ?

Captain America : นั่นก็เป็นคำถามที่ชั้นอยากจะตอบนะ แน่นอน ชั้นหมายถึง ใช่ หมอนั่นมีแนวทางของตัวเอง แต่ชั้นยอมรับว่าอะไรบางอย่างเรื่องนี้มันไม่ถูกต้อง ยังไงซะถ้ามันจำเป็นต้องจัดการ เราก็จะจัดการ นั่นคืออะไรที่พวกเราทำใช่มั๊ยล่ะ ?



หลังจากนั้นกัปตันก็พูดถึงเรื่องเกี่ยวกับตัวจิม เรื่องที่จิมพยายามหลบซ่อนตัวเองไว้ เพราะเขาคิดว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์ แต่กัปตันบอกว่าเขาไม่ใช่ทั้งหุ่นยนต์ ไม่ใช่ทั้งแอนดรอยด์ แต่เขาเป็นอะไรที่พิเศษกว่านั้น นั่นคือมนษย์สังเคราะห์ที่แท้จริง เพราะเขามีแม้แต่กล้ามเนื้อ กระดูก และเลือด

Captain America : นายวิ่งหนีด้วยความกลัวมาตลอด แต่กลัวอะไรล่ะ ? ปัจจุบัน ? วันนี้ ? ย้อนกลับไปตอนที่ละลายออกมาจากน้ำแข็ง ชั้นลืมตามาเห็นเทพเจ้า (ธอร์) มนุษย์เหล็ก (ไอร่อนแมน) แล้วก็ยักษ์ (ไจแอนท์แมน) กำลังยืนจ้องมองชั้นอยู่--ชั้นรู้ว่าพวกเขาไม่มีวันรู้ถึงความเศร้าที่ชั้นรู้สึกอยู่ทุกวันเมื่อชั้นเห็นว่าโลกมันกลายเป็นยังไงหรอก

Captain America : ฟังนะ บัคกี้ตายไปแล้วอย่างเป็นทางการ และเขาต้องอยู่สถานะนั้นไปตลอด ส่วนนามอร์ก็คือนามอร์นั่นแหละ ชั้นต้องการนายมาร่วมทีม มาก้าวไปด้วยกัน ชั้นต้องการใครบางคนในใจกลางของ--ของความมืดที่น่ากลัวนี่ ใจกลางของโลกที่น่าผิดหวังนี่--เพราะว่าชั้นไม่สามารถทำมันคนเดียวได้

Jim Hammond : สุนทรพจน์นายยอดไปเลยนะ

Captain America : ขอบใจ ฝึกมาตลอดน่ะ ฟูมฟายไปหรอ ?

Jim Hammond : ไม่ ไม่ มันดีแล้ว แล้วนายอยากจะให้ชั้นทำอะไรล่ะ

Captain America : อย่างที่้ชั้นพูดนะ จิม ชั้นต้องการนายมาอยู่ข้างในของทุกๆ อย่าง เพราะงั้น...



Captain America : ยินดีต้อนรับสู่ชิลด์ เอเจนท์แฮมมอนด์

อ้าว! พี่เป็นผู้บัญชาการชิลด์ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ถึงอยากจะรับใครเข้าชิลด์ก็รับเองได้เลยเนี่ย >_<"



บทส่งท้าย

Ikaris : พวกครีต้องชดใช้สำหรับอะไรที่พวกมันทำ... มันจะต้องเกิดจากสิ่งประดิษฐ์ของพวกมันเอง เสียงกระซิบแห่งเทพ--

Thena : นายแน่ใจว่านี่มันจะได้ผลนะ อาร์คัส ?

แน่นอนสิ ทีน่า (Thena) ข้ามั่นใจ... แม้ว่าสำหรับ "เทพ" อย่างเขาแล้ว มันจะต้องการเวลาสำหรับเครื่องมือในการควบคุมโดยสมบูรณ์ แต่ที่ไหนจะดีไปกว่าเนกาทีฟโซนสำหรับการปล่อยให้เวลาผ่านไปล่ะ ?

ทีน่า เป็นหนึ่งในเหล่านิรันดร และครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นผู้นำของเหล่านิรันดร (Prime Eternal) ด้วยครับ



และ "เทพ" ที่พวกเขากำลังพูดถึงกันอยู่ก็คือ กระสอบทราย เอ๊ย! ผู้กลืนกินดวงดาวแห่งอวกาศ ท่านพ่อตากาแลคตัส (Galactus) นี่เอง

Aarkus : และเมื่อวันหนึ่งที่กาแลคตัสถูกควบคุมได้แล้ว... เขาจะกลายเป็นอาวุธที่นายต้องการ



จบเล่ม 5.

***อ่านจบแล้วก็คอมเมนท์กันหน่อยสิเธอว์***

------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกันท้ายเล่ม
          เล่มนี้ก็ปิดฉากเหตุการณ์ในฮาลาไปแล้ว แถมตัดบทกันง่ายๆเลย แต่ก็ทิ้งท้ายเอาไว้น่าติดตามมากว่าเหล่านิรันดรจะต้องการควบคุมกาแลคตัสไปทำไม (เพราะจริงๆ แล้วเหล่านิรันดรนี่เป็นฝ่ายดีนะครับ และถือเป็นเทพเจ้าเผ่าพันธ์หนึ่งของจักรวาลมาร์เวล ถูกสร้างโดยเหล่าเซเลสเที่ยล ซึ่งถือเป็นเหล่าเทพเจ้าของจักรวาล) และอาร์คัสมีความสัมพันธ์อะไรกับเหล่านิรันดรกันแน่ ส่วนเล่มต่อไปจะเป็น Tie-In ในส่วนของอีเวนต์ Original Sin ครับ ยังไม่แน่ใจว่าจะทำสปอยล์รึเปล่านะ เพราะตอนนี้อีเวนต์ก็จบไปเรียบร้อยแล้ว ก็ไว้ค่อยว่ากันอีกที

Musashi

7 ความคิดเห็น:

  1. เล่มนี้ปกมันเท่เหลือร้าย
    ผมชอบพวก Eternals อยากให้มีบทได้ออกมาบ่อยๆ จัง

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ปกเล่มนี้เท่มากจริงๆครับ.. ผมเองไม่เคยอ่านซีรีย์ของพวก Eternals เลย แต่คิดว่าที่พวกพี่แกไม่ค่อยมีบท เพราะมาร์เวลทำพลังพวกพี่แกเทพเกินไป เขียนบทยากละมั๊ง แต่ก็อยากให้มีซีรีย์ของตัวเองออกมาอีกรอบเหมือนกัน มันคงน่่าสนุกดีว่าจะให้บทยังไงสำหรับพวกที่เทพๆขนาดนี้

      ลบ
    2. ลองดูครับ เอาเล่มใหม่ๆ หน่อย สมัยแจ็ค เคอร์บี้ไม่ต้องอ่านก็ได้ ผมมาอ่าน vol.3-4 แล้ว ที่นีล เกแมนมาเขียนเรื่อง
      มันมีส่วนเกี่ยวข้องกับ Dreaming Celestial ที่ยืนหลับจำศีลอยู่ปากอ่าวซานฟรานซิสโกในเล่มของ X-Men ด้วยเหมือนกัน

      ที่ชอบพวกนี้เพราะเค้าแต่งได้เหมือนมันเป้นต้นกำเนิดตำนานเทพโบราณๆ ของแนวอินคา มายา กรีกดีครับ

      อิคาริส ก็นึกถึงอิคารัส (ที่ติดปีกบินสูงเกินไป โดนแสงอาทิตย์ละลายขี้ผึ้งตกมาตาย)
      มอคคาริ ก็เมอคิวรี่ เจ้าแห่งความเร็ว อะไรพวกนี้

      ลบ
    3. ฟังแล้วน่าสนใจ พอพูดถึงอิคารัส เมอคิวรี่ นี่ร้องอ๋อเลย เพิ่งรู้ว่าแผลงชื่อมาแบบนี้นี่เอง ผมชอบพวกตำนานเทพเจ้าอยู่แล้ว แบบนี้เด๋วต้องลองหาอ่านครับ แถมผมชอบอ่านพวกฮีโร่ไม่ค่อยดังซะด้วย.. จริงอยากอ่าน vol.1 ยุคแจ็คเคอร์บี้เลยนะ ชอบลายเส้นแจ็คเคอร์บี้ ไม่รู้จะหาในเน็ตได้อยู่มั๊ย

      ลบ
  2. โถ่ Galactus จะซวยมั้ยเนี่ย55+ ขอบคุณสำหรับสปอลย์ครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ยินดีครับ อ่านคนเดียวมันส์ไม่พอ มาสปอยล์แล้วแบ่งกันอ่าน มันส์กว่ากันเยอะเลย (แต่เหนื่อยเหมือนกันนะ) ฮ่าๆๆ

      ตอนนี้รู้สึกจะออกถึงเล่ม 8 แล้วมั๊งครับ ไม่รู้เนื้อเรื่องไปถึงไหนแล้ว ท่านพ่อตาจะโดนอะไรอีกบ้าง เพราะผมก็เพิ่งอ่านถึงแค่เล่ม 5 นี่ล่ะ ไม่ค่อยมีเวลาอ่านเท่าไหร่ อ่านจบก็รีบทำสปอยล์เลย

      ลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ10 กันยายน 2557 เวลา 08:05

    ขอบคุณครับแปลละเอียดมากครับชอบๆ
    ปล. เป็นกำลังใจให้นะครับ!

    ตอบลบ