ภารกิจตามหาเทพีลอเรไล และการปล้นคาสิโนในมอนติคาร์โล
ไปจนถึงการออกเดทด่วนของโลกิในนิวยอร์ค
และหญิงสาวที่ไม่เคยมีใครโกหกเธอได้!!
Loki: Agent of Asgard #2 (2014)
Loki and Lorelei, Sitting in a Tree...
เรื่องโดย : Al Ewing | ภาพโดย : Lee Garbett
วางจำหน่าย : 5 มีนาคม 2014
สำนักพิมพ์ : Marvel Comics
เริ่มเรื่องที่การจัดเดท ด่วน (Speed Dating) ในร้านอาหารแห่งหนึ่งในนิวยอร์ค
มีผู้ชายหลายคนที่ดูเหมือนว่าจะพยายามเข้ามาพูดคุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง
แต่กลับถูกเธอตอกหน้าหงายกลับไปเพราะเธอรู้ว่าสิ่งที่ผู้ชายพวกนั้นพูดมามีแต่เรื่องโกหกทั้งนั้น
(คลิ๊กที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่)
จนกระทั่งผู้ชายคนล่าสุดที่เข้ามาคุยกับเธอ นั่นก็คือ โลกิ!
หญิงสาว : โอเค ว้าว โทษทีนะ นี่เรา.. นี่เรากำลังแต่งคอสเพลย์กันรึไง
Loki : ไม่รู้สิ
Loki : แล้วใช่รึเปล่าล่ะ ?
ปรากฎว่าเธอคือสาวเปรี้ยวพร้อมรอยสักเต็มแขนยังกะส้ม-อมรา
และดูเหมือนว่าเธอจะมีความสามารถในการรับรู้ได้ว่าใครพูดโกหกกับเธอ
(อืม.. สาวมาดโหดแบบนี้ก็ยังมาออกเดทด่วน แถมมีหนุ่มเข้ามาคุยเยอะซะด้วยแฮะ)
Loki : สำหรับคำถามที่คุณถามผมว่าเรากำลังเล่นแต่งคอสเพลย์กันอยู่รึเปล่า
Loki : จริงๆแล้วผมคือโลกิ เทพแห่งความซุกซน ที่ตอนนี้อยู่ในภารกิจลับจากพระแม่ทั้งมวล
ผู้คุ้มกฎแห่งชาวแอสการ์ดเพื่อผลตอบแทนคือการลบล้างความผิดที่ผมเคยทำไว้
ออกจากบันทึกของเหล่าเทพเจ้า
Loki : ผมรู้ว่ามันฟังดูเหมือนการโกหกที่ไร้สาระสุดๆ
แต่คุณรู้ว่ามันไม่ใช่ใช่มั๊ยล่ะ
Verity : ก็ใช่นะ แล้ว... แล้วอะไรคือภารกิจของนายในล่ะ
Loki : ตามหาเทพีที่ชื่อ ลอเรไล (Lorelei) น่ะ
Verity : ฉัน... ฉันไม่เห็นรู้จักเลย ว่านั่นมันใครกัน
Loki : แหงอยู่แล้ว คุณไม่รู้จักหรอก
นี่คือลอเรไล
น้องสาวที่ไม่ค่อยถูกกันนักของอาโมร่า เดอะ เอ็นชานเทร็ซ (The Enchantress)
สถานะ : มีชีวิตปกติดีอยู่
หายไปตอนเหตุการณ์แร็คนาร็อคและฟื้นกลับคืนมาอีกครั้ง
มีความสามารถหลบเลี่ยงจากการสายตาของเฮมดัล (Heimdall) ได้
บางครั้งก็เป็นศัตรูกับแอสการ์ด เดอะดีเฟนเดอร์ (The Defenders) และพลูโต (Pluto) ด้วย
และยังเคยเป็นคนรักเก่าของธอร์มาก่อนจากการล่อลวงด้วยเวทมนต์ รวมไปถึงโลกิด้วย
ซึ่งอาโมร่าเชื่อว่านั่นก็เป็นเพราะเวทมนต์เหมือนกัน
ซึงภารกิจครั้งนี้ก็คือการพาตัวลอเรไลที่หนีมายังโลกกลับไปยังแอสการ์ด
และโลกิก็นึกย้อนไปถึง 3 สัปดาห์ก่อนหน้านี้
ที่พระแม่ทั้งสามมาบอกภารกิจใหม่ โดยจำแลงกายเข้ามาผ่านทางน้ำพันช์!!?
Loki : พระแม่ จะให้ผมบอกเพื่อนบ้านคนใหม่ของผมที่กำลังจะมาถึงในไม่กี่นาทีนี้ของผมว่ายังไงเนี่ย ?
Loki : เชิญๆ เข้ามาเติมความสดชื่นซะหน่อยด้วยน้ำที่มีหัวของแม่บุญธรรมของผมลอยอยู่งั้นเหรอ ?
Freeya : เจ้าไม่สงสัยบ้างหรือไงว่าตอนนี้ลอเรไลอยู่ที่ไหน โลกิ
Freeya : ข้าเหมือนจะจำได้ว่า เจ้าสองคนครั้งนึงเคยเป็นอะไรที่.. ใกล้ชิด
Loki : อ่า.. ใช่ๆ เราเคย.. อะไรประมาณนั้น
โลกิยังคงเล่าเรื่องการตามหาลอเรไลให้หญิงสาวฟังต่อไป
"การหาตัวลอเรไลมันเป็นแค่เรื่องง่ายๆ"
"ญาติผู้น้องที่ถูกเกลียดเหมือนกัน แถมยังเป็นพวกเจ้าเล่ห์เหมือนกันอีก"
"แน่นอนอยู่แล้วว่าเราต้องคิดอะไรคล้ายๆกัน"
"และผมยังมีแหล่งข้อมูลที่ชาวแอสการ์ดทั้งหมดไม่เคยคิดที่จะใช้"
"เช่น หนังสือพิมพ์ กับ อินเทอร์เน็ต"
"การไล่อ่านมันไปเรื่อยๆ มันทำให้ผมเห็นรูปแบบที่เกิดขึ้นทุกๆ ปี"
และในที่สุดเขาก็ได้เบาะแสของลอเรไลจากข่าวที่อ่านในหนังสือพิมพ์
ซึ่งนั่นก็คือในบ่อนคาสิโนแห่งหนึ่ง ในมอนติคาโล (Monte Carlo)
ที่เก็บเงิน 1 พันล้านยูโรไว้ในที่ๆปลอดภัยที่สุดเท่าที่มนุษย์จะรู้จัก
และทุกๆ ปีลอเรไลจะปรากฎตัวพร้อมกับพรรคพวกของเธอ
เพื่อที่จะมาขโมยเงินก้อนนี้ที่ว่ากันว่าไม่มีทางขโมยได้ และก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
และลอเรไลก็ปรากฎตัวขึ้นมาจริงๆ พร้อมกับเพื่อนสาวสองคน
"ถ้าเป็นก่อนการปล้น เธอจะรู้แน่ว่าผมมาแล้ว
ถ้าหลังจากเธอปล้นเสร็จ เธอก็คงจะหายแว๊บไป
เพราะฉะนั้น ถ้าผมอยากจะจับเธอให้ได้ละก็"
"มันจะต้องเป็นระหว่างการปล้นนี่แหละ"
Heist แปลว่า การปล้น
ซึ่งแผนการของพวกเธอคือปรากฎตัวเพื่อดึงดูดความสนใจพวกการ์ดไว้
และหายตัวไปต่อหน้าต่อตา ทำให้แขกในคาสิโนคิดว่าเป็นการโชว์มายากลฆ่าเวลา
ส่วนพวกการ์ดก็ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
Lorelei : ภาพลวงตานั่นคงจะเบี่ยงเบนความสนใจพวกเขาไม่ได้นานนักหรอก
รีบๆแฮคเจ้าประตูนิรภัยนั้นซะทีเถอะน่า ทริคซี่
"เรื่องนึงเกี่ยวกับมนต์บังตานะ พวกมันจะทำให้เกิดการรบกวนกันเอง
"เช่น ถ้าผมร่ายมนต์เพื่อ.. ปลอมตัวละกัน มันจะมีปฏิกิริยากับมนต์ของลอเรไลด้วย
ซึ่งมันจะกลายเป็นการเตือนให้เธอรู้ตัวไป"
Tipped Her Off มาจาก tip-off ที่แปลว่า "การเตือน"
"เพราะงั้นก็อย่างที่ชาวมิดการ์ดพูดกันละนะ"
"เมื่อกำลังออกเดท"
"จงเป็นตัวของตัวเอง"
และในขณะที่ลอเรไลกับพวกกำลังพยายามจะแฮคประตูนิรภัยอยู่นั้น
ก็มีชายคนนึงปรากฎตัวพร้อมเล็งปืนไปที่พวกเธอ
หญิงสาว : ว้าว! งั้นนั่นก็เป็นคุณสินะ
Loki : อะไรนะ ? ไม่! ทำไมผมถึงต้องใช้ปืนด้วยล่ะ
ในขณะที่ชายคนนั้นแสดงตัวว่าเป็นตำรวจสากล (Interpol)
พรรคพวกของลอเรไลที่ชื่อเดซี่ก็ทำท่าจะยิงต่อสู้
แต่ลอเรไลกลับบอกว่าเธอจัดการเองได้ และ..
ด้วยวิชามนต์เสน่ห์ที่เธอถนัดก็ส่งพ่อหนวดมาดเท่ลงไปนอนฝันหวานง่ายๆซะยังงั้น
และในขณะที่ทริคซี่บอกว่ากำลังจะแฮคประตูนิรภัยได้ในอีก 20 วินาที
ลอเรไลจึงส่งเครื่องรางล่องหน (อันเดียวกับที่ใช้หายตัวตอนแรก) ให้กับเดซี่
เพื่อให้ไปนำรถมารอรับพวกเธอได้เลย
แต่ปรากฎว่าพอเดซี่ใช้เครื่องรางเดินออกไป กลับถูกมองเห็นตัวและโดนล้อมจับเอาง่ายๆ
Daisy : เป็นไปได้ไงนี้ ไอ้เจ้านี่เพิ่งจะช่วยเราเดินผ่านคนพวกนี้ไปเมื่อกี้แหม่บๆ
Daisy : เอ๊ะ?!
ทันทีที่ก้มลงมองเครื่องรางในมือ เดซี่ถึงได้เห็นว่ามันกลายเป็นของปลอมไปซะแล้ว
(แถมตีตรา Made In Taiwan ซะด้วย)
แน่นอนว่าของจริงมาอยู่ในมือโลกิแล้ว ถูกเปลี่ยนไปตอนไหนกันละเนี่ย ?
ทางด้านทริคซี่ก็สามารถปลดล็อคประตูได้แล้ว
แต่เมื่อเข้าไปในห้องประตูกลับปิดและขังพวกเธอไว้ข้างใน
Trixie : งั้นเราก็มีเวลาเหลือเฟือที่จะคุยกันซักหน่อยแล้วสิ
Lorelei : ...
Lorelei : ทริคซี่ นักเจาะระบบ
Lorelei : เธอไม่ใช่คนที่เธอบอกว่าเธอเป็นนี่นา
Trixie : โอ้! ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะ
แล้วทันใดนั้นทริคซี่ก็กลายร่างเป็นโลกิ
Loki : เพราะว่าบางคนก็เรียกผมว่าจอมเจ้าเลห์เหมือนกัน
Some Would Say I'm As Tricksy As They Come.
ตรงนี้ในภาษาอังกฤษจะเล่นคำระหว่างชื่อ Trixie กับคำว่า Tricksy ที่เป็นคำคุณศัพท์แปลว่าเจ้าเล่ห์
นั่นคือโลกิจะเล่นมุกบอกว่าเขาก็คือทริคซี่นั่นเอง
หญิงสาว : เดี๋ยวนะ.. นั่นเป็นนายหรอ ?
Loki : สวัสดี! สายลับพันหน้า ไง
หญิงสาว : แต่.. นายบอกว่า
Loki : ก็ใช่ไง นั่นแหละการเป็นตัวของตัวเองของผม
ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Shapeshifter ซึ่งแปลตรงตัวว่า "จำแลง"
หรือใช้พูดถึงอสุรกายที่แปลงร่างได้ เช่น มนุษย์หมาป่า หรือแวมไพร์ที่แปลงร่างเป็นค้างคาวได้
ในมาร์เวลเองก็มักจะใช้คำนี้หมายความถึงพวกสครัล (Skrull)
ซึ่งเป็นมนุษย์ต่างดาวเผ่าหนึ่งที่แปลงร่างได้ มีบทบาทสำคัญมากในอีเวนต์ Secret Invasion
แต่ผมคิดว่าในกรณีนี้ใช้คำว่าสายลับพันหน้าน่าจะเข้ากับบริบทของภาษาไทยเราได้มากกว่า
Lorelei : น่าสนใจมาก
นี่ชั้นใช้เวลาเป็นอาทิตย์ๆ ทำงานร่วมกับทริคซี่มานะ
โลกิที่ชั้นรู้จักไม่มีทางทนแปลงร่างอยู่อย่าางนั้นได้นานขนาดนี้หรอก
(คือผู้หญิงที่ชื่อทริคซี่ ไม่เคยมีตัวตนอยู่ในโลกนี้แต่แรกแล้ว
แต่เป็นโลกิที่จำแลงตัวเป็นเธอขึ้นมา และค่อยไปทำความรู้จักกับลอเรไลก่อนการปล้นครั้งนี้
ทำให้มนต์บังตาของโลกิไม่เกิดปฏิกริยากับมนต์บังตาที่ลอเรไลใช้ตอนปรากฎตัวในบ่อนคาสิโน)
Loki : บางทีผมอาจจะไม่ใช่โลกิที่คุณรู้จักแล้วก็ได้
Lorelei : นี่ไม่ฉลาดเอาซะเลย
Lorelei : แต่ว่านะ ชั้นได้ยินว่านายกลายเป็นลูกหมาน้อยของพระแม่ทั้งมวลไปแล้วนี่นา
Lorelei : พวกเธอคงให้นายมาตามชั้นกลับไปละสิ
Lorelei : บอกชั้นมาหน่อยสิ ว่านายคิดจริงๆนะหรอว่าชั้นจะเข้าห้องนี้มา
โดยมีทางออกไว้แค่ทางเดียว ?
Lorelei : หรือว่าชั้นจะไม่เผื่อช่องทางเอาไว้ขนเงินพันล้านยูโรออกไปเลยกันล่ะ
Loki : ลอเรไล เดี๋ยวก่อน!! ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อ..
Lorelei : น่าอายจริงๆเลย โลกิ เจ้าหมาน้อย
Lorelei : คราวหน้าถ้าเราเจอกัน นายคงมีปลอกคอใส่มาด้วยแหงๆ
ว่าแล้วลอเรไลก็เปิดกระเป๋าที่เธอถือมาด้วยออก แล้วหายเข้าไปในนั้น
ส่วนโลกิที่ทำงานพลาดไปแล้วก็คิดว่า ไหนๆก็มาถึงมอนติคาโลทั้งทีแล้ว..
ก็เลยกวาดเงินในห้องใส่กระเป่าซะเลย
หญิงสาว : ว้าว! แล้วเป็นไงต่อล่ะ ?
Loki : เป็นไงต่อนะหรอ ? ลอเรไลก็คงต้องรีบหาเงินก้อนใหม่ให้เร็วที่สุดละมั๊ง
Loki : หมายถึงกลับไปใช้วิธียอดนิยมแบบโบราณๆน่ะ
Loki : คือเธอคงต้องหาเหยื่อที่จะต้องมนต์เธอได้ง่ายๆหน่อย
Loki : พวกหนุ่มโสด หนุ่มอกหัก ที่ๆมีพวกนี้มากๆ ยิ่งดี
The More The Merrier ในประโยคนี้เป็นสำนวนหมายถึง ยิ่งมาก ยิ่งสนุก
Loki : เพราะงั้นก็ สวัสดี! เดทด่วน
Loki : แต่มีประเด็นอยู่หน่อยนะ
Loki : คือทุกคนที่นี่จะเห็นผมเป็นพ่อม่ายอายุ 40 ชื่อ เคน
Loki : ทุกคนๆเลย ยกเว้นคุณ ตลกดีมั๊ยล่ะ
หญิงสาว : เดี๋ยวสิ คุณคงไม่คิดว่าฉันเป็น..
Loki : อะไรนะ ? ไม่หรอก
Loki : ลอเรไลยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่านี่คือผม
Loki : แล้วผมก็แอบเอาเครื่องติดตามใส่ลงไปในกระเป๋าตังค์ของเธอเอาไว้
Loki : เอาจริงๆ แล้ว ตอนนี้เธออยู่โต๊ะข้างๆเรานี่เอง
Loki : แม่สาวย้อมผมบลอนด์ เสื้อแจ็คเก็ตสีม่วง
Loki : อย่าหันไปมองล่ะ
None The Wiser เป็นสำนวนหมายถึงไม่รู้ตัวเลย เช่น
A : "Let's not tell our classmate that we copied his study notes"
B : "Yeah, we'll pass the test and our classmate will be none the wiser"
ซึ่งลอเรไลก็กำลังใช้มนต์สะกดให้หนุ่มที่เธอกำลังคุยด้วยยกกระเป๋าสตางค์ให้เธอดื้อๆเลย
Loki : ยังไงก็ตามนะ คุณเป็นคนเดียวเลยที่เห็นตัวจริงของผมได้
ผมชักสงสัยแล้วสิว่าทำไม
หญิงสาวจึงบอกว่าเธอชื่อเวอริตี้ วิลลิส (Verity Willis)
เป็นคนที่ไม่เคยมีใครโกหกเธอเลย เพราะไม่มีใครสามารถทำได้
เนื่องจากเธอมีพลังพิเศษที่จะทำให้รู้ความจริงอยู่เสมอ
เธอจึงเป็นเด็กที่ไม่เคยเชื่อเรื่องซานตาครอส หรือแม้แต่ดูหนังเธอก็ยังดูไม่ได้
เพราะอึดอัดกับบทบาทการแสดงที่เธอดูก็รู้ว่ามันแกล้งทำ
เธอเลยหันมาสนใจด้านคณิตศาสตร์บริสุทธิ์ การเขียนโปรแกรม และหลักฟิสิกส์แทน
เพราะเธอรู้ว่านั่นคือความจริงแท้
"และชั้นก็พยายามจะแสดงว่าแค่นั้นก็พอแล้ว...
เพื่อที่จะหลอกตัวเองไปวันๆ"
Loki : เข้มแข็งไว้นะ เวอริตี้
Loki : มันต้องมีใครซักคนในโลกนี้ที่จะไม่มีวันโกหกคุณอยู่
Loki : ไม่ใช่ผมหรอก แหงอยู่แล้ว แต่ใครคนนั้นมีอยู่แน่ๆ
Loki : เชื่อผมเถอะ
ลอเรไลก็ลุกออกไปพอดี โลกิจึงบอกว่าด้วยภารกิจของเขา เพราะงั้นเขาต้องตามเธอไปแล้ว
แม้ว่าเวอริตี้จะถามว่าเธอจะได้เจอกับเขาอีกมั๊ย โลกิก็ตอบว่าไม่แน่
แต่แทนที่จะออกมาตามจับตัวลอเรไลตามที่โลกิเล่าให้เวอริตี้ฟัง
ปรากฎว่าโลกิกลับออกมายืนคุยกับลอเรไลหน้าตาเฉยซะงั้น
Lorelei : โลกิ เจ้าหมาน้อย
Lorelei : ยกเว้นแต่ว่าโลกิโกหกอยู่ตลอด ใช่มั๊ยล่ะ ?
Lorelei : นี่นายทำงานให้กับพระแม่ทั้งมวลอยู่จริงอ่ะ
Loki : โอ้! แน่นอนที่สุด
Loki : แล้วผมก็เพิ่งจะทำภารกิจสำคัญมากๆล้มเหลวไปซะด้วย
Loki : ภารกิจในการพาตัวเธอกลับไปยังแอสการ์ดไง
Lorelei : ต้องงี้สิถึงจะเป็นจอมเจ้าเล่ห์ที่ชั้นจำได้
Lorelei : ไหนบอกมาสิทำไมตอนนั้นถึงปล่อยให้ชั้นหนีมา
Lorelei : และไม่จับชั้นขังไว้ที่นั่นซะล่ะ
Loki : เพราะว่าผมกำลังต้องการพรรคพวกนะสิ
สำหรับการก่ออาชญากรรม (Caper) ที่จะทำให้การปล้นคาสิโนของคุณกลายเป็น..
Loki : เอ้อ.. คืนเดทด่วนห่วยๆ ไปเลยล่ะ
Lorelei : พ่อสาริกาลิ้นทองโลกิไม่ชอบเดทด่วนงั้นหรอเนี่ย
Lorelei : จากที่ชั้นเห็น นายไปได้สวยเลยนะ
Silver Tounge หมายถึงคนที่มีความสามารถในการพูดโน้มน้าวเก่ง
ถ้าเทียบกับคำภาษาไทยก็คือ สาริกาลิ้นทอง นั่นเอง
Loki : เธอไม่ได้เห็นชั้นพังไม่เป็นท่าตอนปีใหม่นะสิ
Loki : แย่หน่อยที่ลิ้นชั้นมันไม่ได้ดึงดูดขนาดนั้นแล้ว
Lorelei : นายดูไปได้ดีกับแม่สาวเดินดินคนนั้นนะ
Loki : แค่อยากรู้อยากเห็นเฉยๆน่ะ
Loki : ไม่มีอะไรมากกว่านี้แล้ว
Loki : ชั้นลบเธอออกไปจากความทรงจำเรียบร้อยล่ะ
แต่โลกิกลับไม่รู้ตัวเลยว่าเวอริตี้แอบตามมา และได้ยินที่โลกิพูดทุกคำ
Verity : เฮ้! ไอ้คนโกหก
(คิดว่าเวอริตี้สนใจในตัวโลกิที่ไม่พยายามโกหกเธอเหมือนคนอื่น และเล่าเรื่องภารกิจให้เธอฟัง
ทั้งๆที่ มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะจริงเลยซักนิด แต่เธอก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง
และก็เชื่อว่าโลกิจะตามจับตัวลอเรไลจริงๆ อย่างที่เขาบอก เพราะไม่มีใครโกหกเธอได้
แต่พอตามออกมาดู กลับเห็นโลกิไม่จับลอเรไลเหมือนที่บอกกับเธอ
เลยกลายเป็นว่าโลกิเป็นคนแรกที่โกหกเธอได้)
จบเล่ม 2.
***อ่านจบแล้วก็คอมเมนท์กันหน่อยสิเธอว์***
------------------------------------------------------------------------------------------
ไปจนถึงการออกเดทด่วนของโลกิในนิวยอร์ค
และหญิงสาวที่ไม่เคยมีใครโกหกเธอได้!!
Loki: Agent of Asgard #2 (2014)
Loki and Lorelei, Sitting in a Tree...
เรื่องโดย : Al Ewing | ภาพโดย : Lee Garbett
วางจำหน่าย : 5 มีนาคม 2014
สำนักพิมพ์ : Marvel Comics
เริ่มเรื่องที่การจัดเดท ด่วน (Speed Dating) ในร้านอาหารแห่งหนึ่งในนิวยอร์ค
มีผู้ชายหลายคนที่ดูเหมือนว่าจะพยายามเข้ามาพูดคุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง
แต่กลับถูกเธอตอกหน้าหงายกลับไปเพราะเธอรู้ว่าสิ่งที่ผู้ชายพวกนั้นพูดมามีแต่เรื่องโกหกทั้งนั้น
(คลิ๊กที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่)
จนกระทั่งผู้ชายคนล่าสุดที่เข้ามาคุยกับเธอ นั่นก็คือ โลกิ!
หญิงสาว : โอเค ว้าว โทษทีนะ นี่เรา.. นี่เรากำลังแต่งคอสเพลย์กันรึไง
Loki : ไม่รู้สิ
Loki : แล้วใช่รึเปล่าล่ะ ?
ปรากฎว่าเธอคือสาวเปรี้ยวพร้อมรอยสักเต็มแขนยังกะส้ม-อมรา
และดูเหมือนว่าเธอจะมีความสามารถในการรับรู้ได้ว่าใครพูดโกหกกับเธอ
(อืม.. สาวมาดโหดแบบนี้ก็ยังมาออกเดทด่วน แถมมีหนุ่มเข้ามาคุยเยอะซะด้วยแฮะ)
Loki : สำหรับคำถามที่คุณถามผมว่าเรากำลังเล่นแต่งคอสเพลย์กันอยู่รึเปล่า
Loki : จริงๆแล้วผมคือโลกิ เทพแห่งความซุกซน ที่ตอนนี้อยู่ในภารกิจลับจากพระแม่ทั้งมวล
ผู้คุ้มกฎแห่งชาวแอสการ์ดเพื่อผลตอบแทนคือการลบล้างความผิดที่ผมเคยทำไว้
ออกจากบันทึกของเหล่าเทพเจ้า
Loki : ผมรู้ว่ามันฟังดูเหมือนการโกหกที่ไร้สาระสุดๆ
แต่คุณรู้ว่ามันไม่ใช่ใช่มั๊ยล่ะ
Verity : ก็ใช่นะ แล้ว... แล้วอะไรคือภารกิจของนายในล่ะ
Loki : ตามหาเทพีที่ชื่อ ลอเรไล (Lorelei) น่ะ
Verity : ฉัน... ฉันไม่เห็นรู้จักเลย ว่านั่นมันใครกัน
Loki : แหงอยู่แล้ว คุณไม่รู้จักหรอก
นี่คือลอเรไล
น้องสาวที่ไม่ค่อยถูกกันนักของอาโมร่า เดอะ เอ็นชานเทร็ซ (The Enchantress)
สถานะ : มีชีวิตปกติดีอยู่
หายไปตอนเหตุการณ์แร็คนาร็อคและฟื้นกลับคืนมาอีกครั้ง
มีความสามารถหลบเลี่ยงจากการสายตาของเฮมดัล (Heimdall) ได้
บางครั้งก็เป็นศัตรูกับแอสการ์ด เดอะดีเฟนเดอร์ (The Defenders) และพลูโต (Pluto) ด้วย
และยังเคยเป็นคนรักเก่าของธอร์มาก่อนจากการล่อลวงด้วยเวทมนต์ รวมไปถึงโลกิด้วย
ซึ่งอาโมร่าเชื่อว่านั่นก็เป็นเพราะเวทมนต์เหมือนกัน
ซึงภารกิจครั้งนี้ก็คือการพาตัวลอเรไลที่หนีมายังโลกกลับไปยังแอสการ์ด
และโลกิก็นึกย้อนไปถึง 3 สัปดาห์ก่อนหน้านี้
ที่พระแม่ทั้งสามมาบอกภารกิจใหม่ โดยจำแลงกายเข้ามาผ่านทางน้ำพันช์!!?
Loki : พระแม่ จะให้ผมบอกเพื่อนบ้านคนใหม่ของผมที่กำลังจะมาถึงในไม่กี่นาทีนี้ของผมว่ายังไงเนี่ย ?
Loki : เชิญๆ เข้ามาเติมความสดชื่นซะหน่อยด้วยน้ำที่มีหัวของแม่บุญธรรมของผมลอยอยู่งั้นเหรอ ?
Freeya : เจ้าไม่สงสัยบ้างหรือไงว่าตอนนี้ลอเรไลอยู่ที่ไหน โลกิ
Freeya : ข้าเหมือนจะจำได้ว่า เจ้าสองคนครั้งนึงเคยเป็นอะไรที่.. ใกล้ชิด
Loki : อ่า.. ใช่ๆ เราเคย.. อะไรประมาณนั้น
โลกิยังคงเล่าเรื่องการตามหาลอเรไลให้หญิงสาวฟังต่อไป
"การหาตัวลอเรไลมันเป็นแค่เรื่องง่ายๆ"
"ญาติผู้น้องที่ถูกเกลียดเหมือนกัน แถมยังเป็นพวกเจ้าเล่ห์เหมือนกันอีก"
"แน่นอนอยู่แล้วว่าเราต้องคิดอะไรคล้ายๆกัน"
"และผมยังมีแหล่งข้อมูลที่ชาวแอสการ์ดทั้งหมดไม่เคยคิดที่จะใช้"
"เช่น หนังสือพิมพ์ กับ อินเทอร์เน็ต"
"การไล่อ่านมันไปเรื่อยๆ มันทำให้ผมเห็นรูปแบบที่เกิดขึ้นทุกๆ ปี"
และในที่สุดเขาก็ได้เบาะแสของลอเรไลจากข่าวที่อ่านในหนังสือพิมพ์
ซึ่งนั่นก็คือในบ่อนคาสิโนแห่งหนึ่ง ในมอนติคาโล (Monte Carlo)
ที่เก็บเงิน 1 พันล้านยูโรไว้ในที่ๆปลอดภัยที่สุดเท่าที่มนุษย์จะรู้จัก
และทุกๆ ปีลอเรไลจะปรากฎตัวพร้อมกับพรรคพวกของเธอ
เพื่อที่จะมาขโมยเงินก้อนนี้ที่ว่ากันว่าไม่มีทางขโมยได้ และก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
และลอเรไลก็ปรากฎตัวขึ้นมาจริงๆ พร้อมกับเพื่อนสาวสองคน
"ถ้าเป็นก่อนการปล้น เธอจะรู้แน่ว่าผมมาแล้ว
ถ้าหลังจากเธอปล้นเสร็จ เธอก็คงจะหายแว๊บไป
เพราะฉะนั้น ถ้าผมอยากจะจับเธอให้ได้ละก็"
"มันจะต้องเป็นระหว่างการปล้นนี่แหละ"
Heist แปลว่า การปล้น
ซึ่งแผนการของพวกเธอคือปรากฎตัวเพื่อดึงดูดความสนใจพวกการ์ดไว้
และหายตัวไปต่อหน้าต่อตา ทำให้แขกในคาสิโนคิดว่าเป็นการโชว์มายากลฆ่าเวลา
ส่วนพวกการ์ดก็ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
Lorelei : ภาพลวงตานั่นคงจะเบี่ยงเบนความสนใจพวกเขาไม่ได้นานนักหรอก
รีบๆแฮคเจ้าประตูนิรภัยนั้นซะทีเถอะน่า ทริคซี่
"เรื่องนึงเกี่ยวกับมนต์บังตานะ พวกมันจะทำให้เกิดการรบกวนกันเอง
"เช่น ถ้าผมร่ายมนต์เพื่อ.. ปลอมตัวละกัน มันจะมีปฏิกิริยากับมนต์ของลอเรไลด้วย
ซึ่งมันจะกลายเป็นการเตือนให้เธอรู้ตัวไป"
Tipped Her Off มาจาก tip-off ที่แปลว่า "การเตือน"
"เพราะงั้นก็อย่างที่ชาวมิดการ์ดพูดกันละนะ"
"เมื่อกำลังออกเดท"
"จงเป็นตัวของตัวเอง"
และในขณะที่ลอเรไลกับพวกกำลังพยายามจะแฮคประตูนิรภัยอยู่นั้น
ก็มีชายคนนึงปรากฎตัวพร้อมเล็งปืนไปที่พวกเธอ
หญิงสาว : ว้าว! งั้นนั่นก็เป็นคุณสินะ
Loki : อะไรนะ ? ไม่! ทำไมผมถึงต้องใช้ปืนด้วยล่ะ
ในขณะที่ชายคนนั้นแสดงตัวว่าเป็นตำรวจสากล (Interpol)
พรรคพวกของลอเรไลที่ชื่อเดซี่ก็ทำท่าจะยิงต่อสู้
แต่ลอเรไลกลับบอกว่าเธอจัดการเองได้ และ..
ด้วยวิชามนต์เสน่ห์ที่เธอถนัดก็ส่งพ่อหนวดมาดเท่ลงไปนอนฝันหวานง่ายๆซะยังงั้น
และในขณะที่ทริคซี่บอกว่ากำลังจะแฮคประตูนิรภัยได้ในอีก 20 วินาที
ลอเรไลจึงส่งเครื่องรางล่องหน (อันเดียวกับที่ใช้หายตัวตอนแรก) ให้กับเดซี่
เพื่อให้ไปนำรถมารอรับพวกเธอได้เลย
แต่ปรากฎว่าพอเดซี่ใช้เครื่องรางเดินออกไป กลับถูกมองเห็นตัวและโดนล้อมจับเอาง่ายๆ
Daisy : เป็นไปได้ไงนี้ ไอ้เจ้านี่เพิ่งจะช่วยเราเดินผ่านคนพวกนี้ไปเมื่อกี้แหม่บๆ
Daisy : เอ๊ะ?!
ทันทีที่ก้มลงมองเครื่องรางในมือ เดซี่ถึงได้เห็นว่ามันกลายเป็นของปลอมไปซะแล้ว
(แถมตีตรา Made In Taiwan ซะด้วย)
แน่นอนว่าของจริงมาอยู่ในมือโลกิแล้ว ถูกเปลี่ยนไปตอนไหนกันละเนี่ย ?
ทางด้านทริคซี่ก็สามารถปลดล็อคประตูได้แล้ว
แต่เมื่อเข้าไปในห้องประตูกลับปิดและขังพวกเธอไว้ข้างใน
Trixie : งั้นเราก็มีเวลาเหลือเฟือที่จะคุยกันซักหน่อยแล้วสิ
Lorelei : ...
Lorelei : ทริคซี่ นักเจาะระบบ
Lorelei : เธอไม่ใช่คนที่เธอบอกว่าเธอเป็นนี่นา
Trixie : โอ้! ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะ
แล้วทันใดนั้นทริคซี่ก็กลายร่างเป็นโลกิ
Loki : เพราะว่าบางคนก็เรียกผมว่าจอมเจ้าเลห์เหมือนกัน
Some Would Say I'm As Tricksy As They Come.
ตรงนี้ในภาษาอังกฤษจะเล่นคำระหว่างชื่อ Trixie กับคำว่า Tricksy ที่เป็นคำคุณศัพท์แปลว่าเจ้าเล่ห์
นั่นคือโลกิจะเล่นมุกบอกว่าเขาก็คือทริคซี่นั่นเอง
หญิงสาว : เดี๋ยวนะ.. นั่นเป็นนายหรอ ?
Loki : สวัสดี! สายลับพันหน้า ไง
หญิงสาว : แต่.. นายบอกว่า
Loki : ก็ใช่ไง นั่นแหละการเป็นตัวของตัวเองของผม
ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Shapeshifter ซึ่งแปลตรงตัวว่า "จำแลง"
หรือใช้พูดถึงอสุรกายที่แปลงร่างได้ เช่น มนุษย์หมาป่า หรือแวมไพร์ที่แปลงร่างเป็นค้างคาวได้
ในมาร์เวลเองก็มักจะใช้คำนี้หมายความถึงพวกสครัล (Skrull)
ซึ่งเป็นมนุษย์ต่างดาวเผ่าหนึ่งที่แปลงร่างได้ มีบทบาทสำคัญมากในอีเวนต์ Secret Invasion
แต่ผมคิดว่าในกรณีนี้ใช้คำว่าสายลับพันหน้าน่าจะเข้ากับบริบทของภาษาไทยเราได้มากกว่า
Lorelei : น่าสนใจมาก
นี่ชั้นใช้เวลาเป็นอาทิตย์ๆ ทำงานร่วมกับทริคซี่มานะ
โลกิที่ชั้นรู้จักไม่มีทางทนแปลงร่างอยู่อย่าางนั้นได้นานขนาดนี้หรอก
(คือผู้หญิงที่ชื่อทริคซี่ ไม่เคยมีตัวตนอยู่ในโลกนี้แต่แรกแล้ว
แต่เป็นโลกิที่จำแลงตัวเป็นเธอขึ้นมา และค่อยไปทำความรู้จักกับลอเรไลก่อนการปล้นครั้งนี้
ทำให้มนต์บังตาของโลกิไม่เกิดปฏิกริยากับมนต์บังตาที่ลอเรไลใช้ตอนปรากฎตัวในบ่อนคาสิโน)
Loki : บางทีผมอาจจะไม่ใช่โลกิที่คุณรู้จักแล้วก็ได้
Lorelei : นี่ไม่ฉลาดเอาซะเลย
Lorelei : แต่ว่านะ ชั้นได้ยินว่านายกลายเป็นลูกหมาน้อยของพระแม่ทั้งมวลไปแล้วนี่นา
Lorelei : พวกเธอคงให้นายมาตามชั้นกลับไปละสิ
Lorelei : บอกชั้นมาหน่อยสิ ว่านายคิดจริงๆนะหรอว่าชั้นจะเข้าห้องนี้มา
โดยมีทางออกไว้แค่ทางเดียว ?
Lorelei : หรือว่าชั้นจะไม่เผื่อช่องทางเอาไว้ขนเงินพันล้านยูโรออกไปเลยกันล่ะ
Loki : ลอเรไล เดี๋ยวก่อน!! ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อ..
Lorelei : น่าอายจริงๆเลย โลกิ เจ้าหมาน้อย
Lorelei : คราวหน้าถ้าเราเจอกัน นายคงมีปลอกคอใส่มาด้วยแหงๆ
ว่าแล้วลอเรไลก็เปิดกระเป๋าที่เธอถือมาด้วยออก แล้วหายเข้าไปในนั้น
ส่วนโลกิที่ทำงานพลาดไปแล้วก็คิดว่า ไหนๆก็มาถึงมอนติคาโลทั้งทีแล้ว..
ก็เลยกวาดเงินในห้องใส่กระเป่าซะเลย
หญิงสาว : ว้าว! แล้วเป็นไงต่อล่ะ ?
Loki : เป็นไงต่อนะหรอ ? ลอเรไลก็คงต้องรีบหาเงินก้อนใหม่ให้เร็วที่สุดละมั๊ง
Loki : หมายถึงกลับไปใช้วิธียอดนิยมแบบโบราณๆน่ะ
Loki : คือเธอคงต้องหาเหยื่อที่จะต้องมนต์เธอได้ง่ายๆหน่อย
Loki : พวกหนุ่มโสด หนุ่มอกหัก ที่ๆมีพวกนี้มากๆ ยิ่งดี
The More The Merrier ในประโยคนี้เป็นสำนวนหมายถึง ยิ่งมาก ยิ่งสนุก
Loki : เพราะงั้นก็ สวัสดี! เดทด่วน
Loki : แต่มีประเด็นอยู่หน่อยนะ
Loki : คือทุกคนที่นี่จะเห็นผมเป็นพ่อม่ายอายุ 40 ชื่อ เคน
Loki : ทุกคนๆเลย ยกเว้นคุณ ตลกดีมั๊ยล่ะ
หญิงสาว : เดี๋ยวสิ คุณคงไม่คิดว่าฉันเป็น..
Loki : อะไรนะ ? ไม่หรอก
Loki : ลอเรไลยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่านี่คือผม
Loki : แล้วผมก็แอบเอาเครื่องติดตามใส่ลงไปในกระเป๋าตังค์ของเธอเอาไว้
Loki : เอาจริงๆ แล้ว ตอนนี้เธออยู่โต๊ะข้างๆเรานี่เอง
Loki : แม่สาวย้อมผมบลอนด์ เสื้อแจ็คเก็ตสีม่วง
Loki : อย่าหันไปมองล่ะ
None The Wiser เป็นสำนวนหมายถึงไม่รู้ตัวเลย เช่น
A : "Let's not tell our classmate that we copied his study notes"
B : "Yeah, we'll pass the test and our classmate will be none the wiser"
ซึ่งลอเรไลก็กำลังใช้มนต์สะกดให้หนุ่มที่เธอกำลังคุยด้วยยกกระเป๋าสตางค์ให้เธอดื้อๆเลย
Loki : ยังไงก็ตามนะ คุณเป็นคนเดียวเลยที่เห็นตัวจริงของผมได้
ผมชักสงสัยแล้วสิว่าทำไม
หญิงสาวจึงบอกว่าเธอชื่อเวอริตี้ วิลลิส (Verity Willis)
เป็นคนที่ไม่เคยมีใครโกหกเธอเลย เพราะไม่มีใครสามารถทำได้
เนื่องจากเธอมีพลังพิเศษที่จะทำให้รู้ความจริงอยู่เสมอ
เธอจึงเป็นเด็กที่ไม่เคยเชื่อเรื่องซานตาครอส หรือแม้แต่ดูหนังเธอก็ยังดูไม่ได้
เพราะอึดอัดกับบทบาทการแสดงที่เธอดูก็รู้ว่ามันแกล้งทำ
เธอเลยหันมาสนใจด้านคณิตศาสตร์บริสุทธิ์ การเขียนโปรแกรม และหลักฟิสิกส์แทน
เพราะเธอรู้ว่านั่นคือความจริงแท้
"และชั้นก็พยายามจะแสดงว่าแค่นั้นก็พอแล้ว...
เพื่อที่จะหลอกตัวเองไปวันๆ"
Loki : เข้มแข็งไว้นะ เวอริตี้
Loki : มันต้องมีใครซักคนในโลกนี้ที่จะไม่มีวันโกหกคุณอยู่
Loki : ไม่ใช่ผมหรอก แหงอยู่แล้ว แต่ใครคนนั้นมีอยู่แน่ๆ
Loki : เชื่อผมเถอะ
ลอเรไลก็ลุกออกไปพอดี โลกิจึงบอกว่าด้วยภารกิจของเขา เพราะงั้นเขาต้องตามเธอไปแล้ว
แม้ว่าเวอริตี้จะถามว่าเธอจะได้เจอกับเขาอีกมั๊ย โลกิก็ตอบว่าไม่แน่
แต่แทนที่จะออกมาตามจับตัวลอเรไลตามที่โลกิเล่าให้เวอริตี้ฟัง
ปรากฎว่าโลกิกลับออกมายืนคุยกับลอเรไลหน้าตาเฉยซะงั้น
Lorelei : โลกิ เจ้าหมาน้อย
Lorelei : ยกเว้นแต่ว่าโลกิโกหกอยู่ตลอด ใช่มั๊ยล่ะ ?
Lorelei : นี่นายทำงานให้กับพระแม่ทั้งมวลอยู่จริงอ่ะ
Loki : โอ้! แน่นอนที่สุด
Loki : แล้วผมก็เพิ่งจะทำภารกิจสำคัญมากๆล้มเหลวไปซะด้วย
Loki : ภารกิจในการพาตัวเธอกลับไปยังแอสการ์ดไง
Lorelei : ต้องงี้สิถึงจะเป็นจอมเจ้าเล่ห์ที่ชั้นจำได้
Lorelei : ไหนบอกมาสิทำไมตอนนั้นถึงปล่อยให้ชั้นหนีมา
Lorelei : และไม่จับชั้นขังไว้ที่นั่นซะล่ะ
Loki : เพราะว่าผมกำลังต้องการพรรคพวกนะสิ
สำหรับการก่ออาชญากรรม (Caper) ที่จะทำให้การปล้นคาสิโนของคุณกลายเป็น..
Loki : เอ้อ.. คืนเดทด่วนห่วยๆ ไปเลยล่ะ
Lorelei : พ่อสาริกาลิ้นทองโลกิไม่ชอบเดทด่วนงั้นหรอเนี่ย
Lorelei : จากที่ชั้นเห็น นายไปได้สวยเลยนะ
Silver Tounge หมายถึงคนที่มีความสามารถในการพูดโน้มน้าวเก่ง
ถ้าเทียบกับคำภาษาไทยก็คือ สาริกาลิ้นทอง นั่นเอง
Loki : เธอไม่ได้เห็นชั้นพังไม่เป็นท่าตอนปีใหม่นะสิ
Loki : แย่หน่อยที่ลิ้นชั้นมันไม่ได้ดึงดูดขนาดนั้นแล้ว
Lorelei : นายดูไปได้ดีกับแม่สาวเดินดินคนนั้นนะ
Loki : แค่อยากรู้อยากเห็นเฉยๆน่ะ
Loki : ไม่มีอะไรมากกว่านี้แล้ว
Loki : ชั้นลบเธอออกไปจากความทรงจำเรียบร้อยล่ะ
แต่โลกิกลับไม่รู้ตัวเลยว่าเวอริตี้แอบตามมา และได้ยินที่โลกิพูดทุกคำ
Verity : เฮ้! ไอ้คนโกหก
(คิดว่าเวอริตี้สนใจในตัวโลกิที่ไม่พยายามโกหกเธอเหมือนคนอื่น และเล่าเรื่องภารกิจให้เธอฟัง
ทั้งๆที่ มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะจริงเลยซักนิด แต่เธอก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง
และก็เชื่อว่าโลกิจะตามจับตัวลอเรไลจริงๆ อย่างที่เขาบอก เพราะไม่มีใครโกหกเธอได้
แต่พอตามออกมาดู กลับเห็นโลกิไม่จับลอเรไลเหมือนที่บอกกับเธอ
เลยกลายเป็นว่าโลกิเป็นคนแรกที่โกหกเธอได้)
จบเล่ม 2.
***อ่านจบแล้วก็คอมเมนท์กันหน่อยสิเธอว์***
------------------------------------------------------------------------------------------
คุยกันท้ายเล่ม
เล่มนี้ดูไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ นอกจากจะเน้นให้เห็นเอกลักษณ์ความเป็นจอมเจ่าเล่ห์ของโลกิ ที่สามารถโกหกได้แม้แต่คนที่ไม่เคยมีใครโกหกได้อย่างเวอริตี้ รวมถึงน่าจะเป็นการปูพื้นไปถึงเหตุการณ์ใหญ่ของซีรีย์ ที่ไม่รู้ว่าโลกิวางแผนจะก่ออาชญากรรมอะไรกันแน่ และทำไมโลกิถึงไม่ยอมทำภารกิจตามตัวลอเรไลกลับแอสการ์ดตามที่พระแม่ทั้งมวลสั่งให้ทำ.. หรือว่าโลกินี่มันจะเชื่อถือไม่ได้ซะเลยจริงๆ ?
เล่มนี้ดูไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ นอกจากจะเน้นให้เห็นเอกลักษณ์ความเป็นจอมเจ่าเล่ห์ของโลกิ ที่สามารถโกหกได้แม้แต่คนที่ไม่เคยมีใครโกหกได้อย่างเวอริตี้ รวมถึงน่าจะเป็นการปูพื้นไปถึงเหตุการณ์ใหญ่ของซีรีย์ ที่ไม่รู้ว่าโลกิวางแผนจะก่ออาชญากรรมอะไรกันแน่ และทำไมโลกิถึงไม่ยอมทำภารกิจตามตัวลอเรไลกลับแอสการ์ดตามที่พระแม่ทั้งมวลสั่งให้ทำ.. หรือว่าโลกินี่มันจะเชื่อถือไม่ได้ซะเลยจริงๆ ?
โลกิก็ต้องเป็นโลกิแหละนะ ต้องแบบนี้ถึงจะเป็นโลกิ
ตอบลบอ่านแล้วอารมณ์เหมือนเรียนภาษาจากคอมมิคเลย 55555
ขอบคุณมากๆค่ะ
เป็นความตั้งใจที่จะสอดแทรกความรู้ภาษาอังกฤษเล็กๆน้อยๆเข้าไปอยู่แล้วครับ.. ตัวคนสปอยล์เองก็ไม่ได้เก่งอังกฤษอะไรหรอก คุยกับฝรั่งยังไม่ได้เลย แต่ก็อาศัยความตั้งใจและอยากแบ่งปันอ่ะนะ.. อย่างน้อยๆ ถ้ามีน้องๆเยาวชนเข้ามาอ่านบล็อกนี้ ก็จะได้อะไรกลับไปบ้าง นอกจากความบันเทิงอย่างเดียว.. ขอบคุณที่แวะเข้ามานะครับ ติดตามกันต่อไปเรื่อยๆนะ มีข้อผิดพลาดด้านภาษาตรงไหน ก็แนะนำกันเข้ามานะครับ ^^
ลบโลกิต้องเป็นแบบนี้สิถึงจะสมกับเป็นเขา 55 ขอบคุณครัชที่แปลมาให้อ่านจะติดตามต่อไปเรื่อยๆนะครัช
ตอบลบขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ จะจัดให้เรื่อบๆครับ ^^
ลบเนื้อเรื่องตื่นเต้นดีฮะ โลกิ ชอบ 555+
ตอบลบขอบคุณครับชอบหัวนี้มากเลยสนุกดีครับ มีสอนภาษาด้วยชอบๆ ^^
ตอบลบลอเรไล เพิงออกมาตอนล่าสุดของ Agent of shield ไปเอง แต่เป็นSIFทีมาตามตัวกลับไป
ตอบลบAlien ที่บุกโลกตอน Secret Invasion คือพวก Skrull นะครับ
ตอบลบจ๊ากกก! ผมเบลอไปหน่อย จะพิมพ์ว่า Skrull ดันไปใส่ Kree เฉยเลย แถมทำลิงค์ไปหาข้อมูลของ Kree อีกตะหาก.. ขอบคุณมากครับ ไปแก้แป๊บ ^^
ลบสนุกจัง แปลดีด้วย ขอบคุณมาก ชอบโลกิแบบนี้ดูเจ้าเล่ห์ แต่ก็น่ารัก
ตอบลบขอบคุณมากครับ มีกำลังใจสปอยล์ต่อเลย ^^
ลบแปลสนุกมากฮะ เหมือนได้เรียนภาษาไปด้วยดีจริงๆ><
ตอบลบได้เกร็ดภาษาไปด้วย ขอบคุณค่ะ
ตอบลบแหม.. โลกิมันโกหกแม้กระทั่งคนที่ไม่มีใครโกหกได้ โห... พ่อคุณ
แปลสนุกมาก ขอบคุณค่า แถมได้ความรู้ด้วย (Y)
ตอบลบ