การต่อสู้ภายในวิหารสรรพสิ่ง ระหว่างแก๊งเอาท์ลอว์สทั้งสาม
กับเผ่าพันธุ์โบราณ อันไตเติลด์ ที่ทรงอำนาจยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา!
ย้อนกลับมาสู่จุดเริ่มต้น การต่อสู้ครั้งใหม่และการล้างแค้นให้กับลัทธิออลคาสท์
Red Hood and The Outlaws #2 (2011)
ผู้สปอยล์ : Red Hood's Outlaw
กับเผ่าพันธุ์โบราณ อันไตเติลด์ ที่ทรงอำนาจยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา!
ย้อนกลับมาสู่จุดเริ่มต้น การต่อสู้ครั้งใหม่และการล้างแค้นให้กับลัทธิออลคาสท์
Red Hood and The Outlaws #2 (2011)
Shot Through The Heart-- and Who’s to Blame?
เรื่องโดย : Scott Lobdell | ภาพโดย : Kenneth Rocafort and Blond
วางจำหน่าย : 19 ตุลาคม 2011
สำนักพิมพ์ : DC Comicsผู้สปอยล์ : Red Hood's Outlaw
Jason : (นั่นผมเอง ประมาณสักปีครึ่งก่อนหน้านี้ได้มั้ง ก่อนที่ผมจะเอาหมวกกันน๊อคแดงมาสวมหัวเป็นครั้งแรก ผมเป็นเพียงเจสัน ทอดด์ (Jason Todd) อดีตเด็กในอุปถัมภ์ของแบทแมน โรบิน (Robin) จนกระทั่งถูกฟาดจนตายโดยไอ้โรคจิตที่ชื่อว่าโจ๊กเกอร์ (Joker) และฟื้นคืนชีพขึ้นมาด้วยเหตุผลบางประการที่ตัวผมเองก็ไม่เข้าใจ แหงล่ะ บางทีผมอาจควรแฮปปี้กับการกลับมามีชีวิตอีกครั้ง แต่ในมุมมองผม มันโคตรจะไม่ยุติธรรมกับผมเลย และผมคงตายตาไม่หลับแน่ถ้าไม่ได้ทรมานทุกคนอย่างสาสม)
Jason : พวกแกอยากจะรับมือฉันยังไง? จะกรูเข้ามาพร้อมๆกัน หรือจะให้ฉันเตะก้นแกทีละคนไป?
(เจสัน ทอดด์ อดีตโรบินพยายามจะทำให้โลกรอบๆตัวเขาเข้าที่เข้าทาง, รอย ฮาร์เปอร์ (Roy Harper) ผู้แต่งตั้งตนเองเป็น “ซุปเปอร์ฮีโร่ในขั้นฟื้นฟู” รับมือกับชีวิตไปทีละวัน และโคริแอนเดอร์ (Koriand’r) องค์หญิงทาสจากอีกโลกผู้จะไม่ยอมถูกล่ามอีก อย่าเรียกพวกเขาว่าฮีโร่ อย่าเรียกพวกเขาเป็นทีม เรียกพวกเขาว่า เร้ดฮู้ดกับพวกนอกกฏหมาย (Red Hood and The Outlaws))
SHOT THROUGH THE HEART-- AND WHO’S TO BLAME?
ยิงทะลุหัวใจ แล้วจะโทษใครได้?
(คลิ๊กที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่)
เบื้องหลังเจสัน ทาเลีย และแก๊งถือหอกนั่นเป็นภาพที่สวยงามของน้ำตกหลากหลายชั้น ภูเขา และวิหารที่อาศัยของพวกออลคาสท์ วิหารสรรพสิ่งนั่นเอง
Jason : (หลายร้อยเอเคอร์แห่งวิหารสรรพสิ่ง ไม่ปรากฏในแผนที่ไหน ใครจะรู้ อาจไม่ได้อยู่บนโลกก็เป็นได้ อาจอยู่ทุกแห่งและไม่อยู่ซักแห่ง ผมถูกพามาที่นี่โดยผู้หญิงที่ชื่อว่า ทาเลีย อัล กูล (Talia Al Ghul) แฟนเก่าคนนึงของแบทแมน บางทีหล่อนคงรู้สึกว่าถ้าช่วยให้ผมมองมุมกลับ ปรับมุมมองแล้วแบทแมนจะมองเธอเป็นฝ่ายดีซะละมั้ง?)
หญิงชรา : ตายจริง ไม่ใช่เจ้ามันไอ้หนูอวดดีหรือนี่?
Jason : (พวกนักบวชนี่คือดิออลคาสท์ (The All Caste) ส่วนยายหงำเหงือกพันปีนี่คือ ดูครา (Ducra) ผู้ชี้แนะ ยายกับผมเริ่มต้นกันได้ไม่สวยนัก)
Jason : ชื่อเจ…
Ducra : ชู่ว... คำนับให้ผู้เหนือกว่า ไอ้หนู
แต่มีหรือคนอย่างเจสัน ทอดด์จะก้มหัวให้ใคร กลับย่อตัวลงเอามือแปะๆหัวยายแกแทน
Jason : อาจจะทำถ้าเจอซักคน ผมไม่โค้งให้ใครหน้าไหนทั้งนั้นแหละยาย
Talia : เจสัน เป็นฉันจะไม่… ช่างเถอะ
Jason : (ยอมรับ ไม่ใช่ช่วงชีวิตอันสดใสนัก ทาเลียเสี่ยงหลายอย่างกับการพาผมมาที่นี่ พ่อของเธอ ราซ อัล กูล (Ra’s Al Ghul) ก็เดือดปุดๆพออยู่แล้วที่เธอโยนผมลงบ่อน้ำชุบชีวิตอะไรซักอย่างที่เรียกว่า ลาซารัสพิท (The Lazarus Pit) แล้วตอนนี้ผมยังมาทำหล่อนขายหน้าต่อหน้าเพื่อนๆเธออีก)
ทาเลียพูดไม่ทันจบประโยค เจสันก็ถูกยายแกทุ่มลงไปกองกับพื้นสลบไปแล้ว
Ducra : ข้าทำแบบนี้มาสามพันกว่าปีแล้ว แกใช้เวลาแค่หกวินาทีทำข้าฉุนขาด อยากจะทำสถิติใหม่รึยังไง? ทีนี้แกก็สลบเหมือดไปแล้ว ซึ่งหมายความว่าแกไร้ประโยชน์ ป้องกันตัวเองไม่ได้ และหุบปากได้ซะที
ยายดูคราทำท่าเหนื่อยหน่ายก่อนจะลุกขึ้นแล้วพูดกับเจสันที่ยังคงเฝ้าพระอินทร์อยู่
Ducra : ข้ายังคงฝึกเจ้าต่อสู้ได้แม้ยามเจ้าไม่ได้สติ ข้าปลุกปั้นเจ้าให้เป็นนักฆ่าที่เปี่ยมทักษะที่สุดในโลกได้ ทั้งหมดที่เจ้าต้องทำก็คือ… หยุดทำตัวเป็นไอ้งั่งซักที เอาจริงนะทาเลีย จะให้ข้าทำอย่างไรกับก้อนเนื้อแห่งโทสะนั่นได้?
Talia : ฉันยอมรับนะคะ เจสันเขา… ซับซ้อนน่ะ ดูครา
ทาเลียและดูคราพากันเดินขึ้นบันไดไปด้านบน ทาเลียเล่าเรื่องของเจสันให้ดูคราฟัง
Talia : เขาเพิ่งถูกปลุกกลับมาจากความตายเมื่อไม่นานมานี้ ด้วยเหตุผลที่เราคงไม่มีวันรู้ได้ ร่างกายเขานั้นปกติดี แต่จิตวิญญาณของเขาเหมือนไม่อยู่ในร่างจนกระทั่ง…
Ducra : จนกระทั่งเจ้าโยนเขาลงบ่อลาซารัส ข้าได้กลิ่นมันจากเขาเชียว ข้ามั่นใจว่ามันเป็นไปได้ด้วยดีกับพ่อเจ้าสินะ
Talia : เขาสนับสนุนการตัดสินใจของฉันอย่างน่าประหลาดใจเชียว (ประชด) ก่อนที่เขาจะถูกฆ่า เจสันมีศักยภาพที่จะเป็นชายผู้ยิ่งใหญ่ ฉันเชื่อว่าด้วยการแนะแนวอันเหมาะสม เขาจะยังเป็นคนนั้นได้อยู่ ฉันเชื่อว่าเขาควรค่าแก่โอกาสนั้น
Ducra : เจ้าผิดแล้ว เขาจะเป็นความตายของเรา เป็นความตายของคนมากมาย
Talia : นั่นคือคำปฏิเสธหรือ? ท่านจะไม่ขัดเกลาเขาสู่วิถีแห่งออลคาสท์หรือคะ
Ducra : ข้าย่อมทำเป็นแน่ แนวคิดที่จะปล่อยเขาไปสู่โลกภายนอก และทิ้งโลกภายนอกนั่นอยู่ใต้ปรานีของเขานั้นไม่อาจยอมรับได้
Jason : (ฉลาดนี่ดูครา)
เจสันฟื้นขึ้นมาและจ้องมองดูคราด้วยสายตาดุร้าย ต่างจากเจสันผู้เยือกเย็นในปัจจุบัน
บนเครื่องบินข้ามทวีป เที่ยวบิน 102
สามชั่วโมงก่อนหน้า
Jason : (นั่นมันก็ผ่านมานานแล้ว)
Roy : โย่ เจสัน! ขอล่ะเพื่อน เลิกนั่งเหม่องั้นเหอะ เวลานายเริ่มทำตัวล่องลอยแบบนั้นทีไร ฉันล่ะรู้สึกเพี้ยนๆทุกที
Jason : นั่นเหรอสาเหตุที่นายเพี้ยน? น่าสนใจนี่
รอยเอาศอกถองเจสัน ถึงแม้อีกฝ่ายจะดูไม่ได้สนใจอะไรเขาก็ตาม วันนี้เจสันแต่งตัวหล่อเนี้ยบราวกับคุณชาย ตรงข้ามกับคนที่ใส่เสื้อยืดกางเกงขาดๆข้างเขาจริงๆ
Jason : (รอย ฮาร์เปอร์ กาฝากระยะสุดท้าย)
Roy : ไม่อยากจะเชื่อว่านายยังเคืองฉันที่ไปนอนกับผู้หญิงของนาย
Jason : โครี่ (Kori) ไม่ใช่ผู้หญิงของฉัน ไอ้ง่าว เธอจะนอนกับใคร... หรือพูดให้ชัดคือตัวอะไร ก็ได้ที่เธอต้องการ
Roy : ตราบใดที่นายยังเย็น ฉันก็เย็นด้วยนะเพื่อน
Jason : ฉันน่ะเย็นเป็นก้อนน้ำแข็ง
Roy : เจ๋ง ให้ฉันหาอะไรให้นายมั้ย?
Jason : หาร่มชูชีพให้ตัวเองสิ เอาอันที่มีรู แล้วโดดเครื่องตายๆไปซะ
เสียงผู้หญิง : ขอโทษนะคะ
เจ้าของเสียงคือแอร์โฮสเตสสาวผมบลอนด์ตาฟ้า หุ่นเช้งวับคนนี้นี่เอง
แอร์โฮสเตส : แต่สายการบิน F.A.A. ของเราเข้มงวดอย่างมากในด้านมาตรฐานความปลอดภัย ฉันมั่นใจค่ะว่าคุณจะพบทุกๆอย่างในเที่ยวบินของเราสมบูรณ์แบบที่สุด
Jason : ...เห็นได้ชัดเลยครับ
แอร์โฮสเตสสาวถึงกับก่ายที่นั่งรอยมาเพื่อจะคุยกับเจสัน ดูท่าทางจะไม่ใช่แค่คุยแน่ๆ
แอร์โฮสเตส : ขอถามหน่อยสิคะ ธุรกิจหรือท่องเที่ยวนำคุณมาประเทศจีนคะเนี่ย?
Jason : เกรงว่าไม่ทั้งคู่ การตายในครอบครัวน่ะครับ (A Death In The Family)
แอร์โฮสเตส : เสียใจด้วยนะคะ ให้ฉันหาอะไรให้คุณดื่มแล้วรู้สึกดีขึ้นดีกว่า
Jason : ผมไปด้วย ผมต้องยืดเส้นยืดสายพอดี
แอร์โฮสเตส : น้ำอัดลม เพิ่มน้ำแข็งพิเศษ
Jason : ความจำดีนี่ครับ
แอร์โฮสเตส : ไม่ตลอดหรอกค่ะ แค่กับผู้โดยสารลึกลับ มีสเน่ห์และหล่อลากเท่านั้นล่ะค่ะ (นางแรง)
Jason : (เธอน่ารัก แต่โชคดีของเธอที่เราจะไม่มีทางที่ได้เจอกันอีกนับจากวันนี้)
เจสันกลับมานั่งดื่มน้ำอัดลมสบายใจ ก่อนจะเห็นว่ามีบางอย่างเขียนอยู่บนกระดาษรองแก้วซะด้วย เป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากเบอร์โทรของเจ้าหล่อน ซึ่งชื่อว่า อิซาเบล (Isabel) นั่นเอง
Jason : (เธอเพิ่งจะ… นั่นมัน… ทำไมเธอถึง…)
Jason : เอาจริงดิ?
Roy : ดูนายสิทอดด์! ความหล่อเหลาของคนเราไม่เข้าใครออกใคร
Jason : ฉันจะจับนายมัดเก้าอี้ถ้ายังไม่หุบปาก
ปัจจุบัน
ณ ฮ่องกง (Hong Kong)
Roy : เพราะงั้นนายไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น
Jason : ฉันไม่เคยกังวล
Roy : ฉันจัดการทุกอย่างให้นายหมดเลย
Jason : โอเค ฉันเริ่มกังวลละ
Roy : มุขตลอดนายอะ
รถที่มาจอดรับสองหนุ่มที่สนามบินในฮ่องกงนั้นเป็นถึงรถลิมูซีน แถมมีคนเปิดประตูให้ด้วย ส่วนคนที่อยู่ในรถนั่นก็คือโครี่ เอเลี่ยนสาวสวยของพวกเขา
Jason : นายเรียกลิมูซีนมารับเนี่ยนะ? ส่วนไหนของ “เราต้องทำตัวไม่สะดุดตา” ที่นายสับสนวะฮาร์เปอร์
Koriand’r : สวัสดี เจสัน... รอย หวังว่านายคงไม่ถือ ฉันบินนำมาล่วงหน้าและจัดหาพาหนะในพื้นที่ให้เรา
โครี่นั่งไขว่ห้างแบบนางพญา สวมแว่นกันแดดแถมแต่งตัวซะสวย นั่งรอเจสันกับรอยอยู่ในรถแล้ว
Jason : (องค์หญิงโคริแอนเดอร์ หรือสตาร์ไฟร์ ผู้หญิงที่น่าสนใจ หนึ่งในต่างดาวที่ทรงพลังที่สุดที่มาติดอยู่บนโลกก็ว่าได้ แต่ด้วยเหตุผลบางประการเธอตัดสินใจซ่อนตัวเองจากสายตามนุษย์ ทั้งที่มนุษยชาติต่างหากควรซ่อนจากเธอ)
Roy : ดูสิ ไม่เจอหน้าแค่สามวัน แต่ทีมเราซี้ย่ำปึ๊กกันซะแล้ว ไม่รู้สึกแย่เลยที่ไม่มีใครจากจัสติสลีค (Justice League) โทรกลับหาฉัน หรือตอบเมล์ หรือว่าข้อความ (โถพ่อคุณ)
Jason : มันไม่มีทีมทั้งนั้นแหละ รอย ฉันไม่ได้เอ่ยปากขอให้พวกนายตามมาเลย อะไรจะเกิดกับนายก็ช่าง ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของฉัน
Roy : โอ้ จะปล่อยเกาะกันเรอะ นายช่วยชีวิตฉันในคูแรค (Qurac) ส่วนโครี่คนนี้ไม่มีชีวิตด้วยซ้ำ เราจะทำอะไรอื่นได้นอกจากทำสิ่งที่เราทำไปแล้วอีกล่ะ พูดแล้วนึกได้… เรามาเปิดใจให้กันแล้วเรื่องกอริลล่าหนักสามพันปอนด์ใน…
แต่ดูท่าเร้ดฮู้ดกับสตาร์ไฟร์ของเราจะรำคาญมากกว่าฮาด้วย
Jason/Koriand’r : พล่ามอีกคำเดียวนายตาย
Roy : ก็ได้ แค่อยากจะทำลายความเงียบ แต่เห็นชัดว่าพวกนายยังไม่โตพอจะนำไปสู่บทสนทนาแบบผู้ใหญ่ อะไรก็ช่าง
Jason : (ผมไม่ได้รู้สึกชอบพวกเขามากขึ้นหรืออะไรหรอก ไม่)
หลังจากการนั่งรถหนึ่งรอบ…
พวกเขามาถึงที่พักของเจสันใจกลางเมืองฮ่องกง แต่มีหรือเจสันจะให้ใครเข้าไปง่ายๆ
Roy : จริงจังนะ นายมีที่หลบภัยที่นี่แต่นายไม่แม้แต่คิดจะให้เราดูเนี่ยนะ?
Jason : ครั้งล่าสุดที่ทำ นายเอาผู้หญิงมานอนเตียงฉัน อีกห้านาทีกลับมา
Jason : (และใช่ ผมมี “ที่หลบภัย” ในปารีส (Paris), โตเกียว (Tokyo), ลอนดอน (London) และอื่นๆ… ปล้นจากพวกอาชญากรสมองแหลมน่ะเป็นธุรกิจที่ดี หลายต่อหลายปีที่ฉันเรียนรู้วิธี “ปราบอาชญากรรม” ภายใต้แบทแมน... มีบทเรียนหนึ่งที่เขาย้ำนักย้ำหนา จงเตรียมพร้อม อย่าได้ทึกทักเอาว่าตัวเองปลอดภัย แม้แต่ในบ้านตัวเองก็ตาม)
แต่เจสันยังออกมายืนกินลมนอกระเบียงได้ไม่ทันไร ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญมาพร้อมปืนจ่อหัวซะแล้ว
เสียงผู้หญิง : โดยที่ฉันมีชีวิตและยังหายใจอยู่! เจสัน ทอดด์หายสาบสูญไป และกลับคืนรัง… ฉันไม่มีแม้แต่โซฟาให้เป็นลมใส่!
หญิงอ้วนฉุนางนี้เห็นชัดว่าไม่ใช่เพื่อนซี้มาเยี่ยมเยียนอย่างแน่นอน มีลูกกะจ๊อกตัวบึ้กมาจัดเต็มขนาดนี้ แต่ถึงศัตรูจะบุกถึงบ้านเจสันกลับไม่ได้ดูแปลกใจอะไร
Jason : ฉันไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่านั่นเธอ ซูซี่ ซู (Suzie Su) กลิ่นอันโดดเด่นของช่วงล่างเธอมันโชยมากับอากาศกลางคืนเลยล่ะ
เจสันหันกลับมาเผชิญหน้าป้าซูซี่คนนี้ แบมือออกให้เห็นเป็นท่าทางสงบศึก
Jason : คงไม่คิดจะยิงชายปราศจากอาวุธใช่มั้ย?
Suzie : ฝันเถอะแก ฉันจะเริ่มจากการฉีก…
Jason : ทีนี้ใครฝันกันแน่?
อย่างที่แบทแมนสอน เจสันเตรียมไว้พร้อมไม่พลาดอยู่แล้ว เขาคว้าปืนสองกระบอกจากในพุ่มไม้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระหน่ำยิงพวกซูซี่พรุนกันทั้งแก๊ง!
Jason : ถ้าพูดแล้วจะมีความหมายนะ ฉันไม่ได้กลับมาเพื่อทำแบบนี้หรอก ฉันกะไว้ว่าจะปล่อยฟามลิเยร์ เดอะ ฟลอร์ (Familia De Flores) ให้เป็นไป เข้าใจมั้ย ฉันมาที่นี่ด้วยเรื่องส่วนตัว
เจสันยืนมองร่างเผละของหล่อนที่กองอยู่ที่พื้น พร้อมรูกระสุนหลายรู
Suzie : บะ…. คะ…
Jason : ฉันจะโกหกเธอได้เหรอ หลังจากเรื่องที่เกิดครั้งล่าสุดที่ฉันทำน่ะ?
Jason : (น่าสนใจนะ เคยมีช่วงเวลาที่ผมสนุกซะจริงกับการโค่นซูซี่ ซูกับนักฆ่ารับจ้างของหล่อน)
Suzie : ป๊ะป๋าชั้น…. จะรู้….
Jason : (แต่เดี๋ยวนี้น่ะเหรอ? ไม่เท่าไหร่แล้ว)
Jason : ฉันก็จะฆ่าเขาเหมือนกัน ขอสัญญา ฉันได้ของที่มาเอาแล้ว ไว้ไม่เจอกันอีกล่ะ
ต่อมา…
บางแห่งเหนือเทือกเขาหิมาลัย (The Himalayas)...
ดูเหมือนสามเกลอจะมานั่งชมวิวบนเฮลิคอปเตอร์ แต่จากสภาพอากาศแล้วดูท่าจะได้ตายยกแก๊งซะละมั้ง
เสียงผู้หญิง : ฉันไม่แคร์ว่านายเคยทำอะไรไว้เพื่อช่วยหมู่บ้านของฉัน เร้ดฮู้ด พายุบ้าบอนี่กำลังจะสอยใบพัดฉัน! ฉันจะหันเครื่องกลับเดี๋ยวนี้ล่ะ!
แค่พายุโหมกระหน่ำข้างหน้ายังอึ้งไม่พอ สาวนักบินหันมายังเห็นสองหนุ่มเปิดประตูค้างไว้อีก
หญิงสาว : อะไรเนี่ย…?!
Jason : ไม่มีปัญหา เราโอเคดี!
Roy : ช่วยหมู่บ้านงั้นเหรอหืม?
หญิงสาว : ออกมาห่างๆจากประตูนั่นแล้วรัดเข็มขัดซะ พวก… พวกบ้านี่! เร้ดฮู้ด?
หญิงสาวหันมาอีกทีก็ไม่เหลือผู้โดยสารเลยซักคน! เร้ดฮู้ดกะอาร์เซนอลโดดหายไปแล้ว!
หญิงสาว : ไปดีนะเจสัน ไม่ว่านายจะไปไหนก็เหอะ
แน่นอนในเมื่อสองหนุ่มโดดไปไร้กังวลขนาดนั้น พวกเขาก็ต้องมีแบ็คอัพที่ดีแน่ ซึ่งแบ็คอัพที่ว่านี้ก็คือสาวโครี่ ไฟลุกมาแต่ไกล
Koriand’r : ฉันพลาดอะไรไปบ้าง?
Roy : กลายเป็นว่าพ่อหัวแข็งของเรามีภายในที่อ่อนโยนและนุ่มนิ่ม และ…. โว้ว! ดูปีกนั่นซะก่อน!
เจสันมาพร้อมปีกของตัวเอง ซึ่งดูเหมือนจะใช้พลังงานไฟฟ้าบางอย่าง
Koriand’r : ฉันนึกว่าเขาใช้คำว่า “สะโพก” ซะอีก แต่ใช่ มันน่าประทับใจในแบบมนุษย์เชียวล่ะ (พูดกันคนละอย่างแล้วมั้ง)
Roy : บินได้สวย
Koriand’r : ขอบคุณ
Jason : ตามฉันมา ถ้าจำเป็นนะ
แต่เบื้องหน้าของพวกเขาก็มีแต่ผาหินทั้งหมดเลย แล้วจะเข้าไปตรงไหนล่ะนี่
Roy : ไปในกำแพง!?
Jason : หรือจะไม่
กลับกลายเป็นว่าเจสันสามารถทะลุไปได้อย่างสบายๆ
Jason : (ง่ายๆอย่างนั้นแหละ ผมกลับมายังที่ๆทุกสิ่งเริ่มต้น ไม่ใช่ทุกสิ่งสิ สรรพสิ่งต่างหาก ไม่ใช่ตอนที่เด็กเหลวแหลกข้างถนนได้โอกาสวิเศษสุดในการเป็นไซด์คิก (Sidekick) ที่โด่งดังที่สุดของโลก หรือส่วนที่ผมถูกฟาดจนตายโดยไอ้โรคจิตโจ๊กเกอร์ หรือตอนที่ผมกลับมาสู่ชีวิตอย่างไม่มากไปกว่าผีดิบ จนกระทั่งทาเลีย อัล กูลโยนผมลงลาซารัสพิท ไม่ ในหลายๆด้าน ชีวิตของผมไม่ได้เริ่มต้นใหม่ขึ้นมาจริงๆจนกระทั่งผมมาที่นี่…)
ปัจจุบัน
Jason : (ผมเห็นหลากหลายสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวในชีวิตผม บางสิ่งมาจากน้ำมือของผมเอง แต่นี่…)
ดูครานอนกองอยู่ที่พื้นตรงหน้าเจสัน เขาเข้าไปประคองยาย แตกต่างจากตอนที่พบกันโดยสิ้นเชิง
Jason : ผมขอโทษที่ไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อคุณ ดูครา ผมขอโทษที่คุณต้องส่งผมไป ผมขอโทษที่ยอมให้คุณทำ
ทันใดนั้นวิญญาณของดูคราก็ปรากฏออกมาเป็นแสงสีฟ้า และตอบเจสัน
Ducra : ไม่มีเวลาสำหรับน้ำตา ไอ้หนู หรือการย้อนเสียใจ อันไตเติลด์ (Untitled) อยู่ที่นี่ ทรงพลังกว่าครั้งไหน
Jason : ที่นี่หรือ? นั่นมันเสียสติแล้ว
Ducra : มันไปกับอาซาร์ (Azar) มันบุกไปในห้องแห่งสรรพสิ่ง (Chamber of All)
Jason : ผมจะหามัน ดูครา ผมจะล้างแค้นให้เราทุกคน
Ducra : โถ่ถัง การล้างแค้นตามติดไปกับเจ้าเสมอ ราวกับเจ้าไม่เคยเรียนรู้อะไรเลย เจสัน ทอดด์
วิญญาณดูคราลูบใบหน้า (หมวก) ของเจสันผู้เป็นลูกศิษย์อย่างผูกพัน
Ducra : ปลดปล่อยหัวใจเจ้าให้ปราศจากการล้างแค้น ไอ้หนู ข้าจะไปเจอเจ้าในที่ๆดีกว่านี้
Jason : แต่ไม่เร็วนักหรอก อาจารย์
Jason : (นั่นคือตอนที่ผมได้ยินพวกมัน ฝีเท้าคนตายบนพื้นหิน ในที่สุด มีใครมาให้ยิงซะที)
ที่กำลังก้าวเข้ามาหาเจสันนั้นก็คือพวกนักบวชออลคาสท์ ที่ในตอนนี้กลายสภาพเป็นผีดิบไปแล้วนั่นเอง
(นักบวชออลคาสท์ 1 : เจ้าเรียนรู้ไว เจสัน)
(นักบวชออลคาสท์ 2 : แต่โทสะของเจ้ายังคงทำให้เจ้าสะเพร่า)
(Jason ในอดีต : จำเอาไว้ตอนนายฟื้นขึ้นมาละกัน)
Jason : (ไม่ ผมยิงพวกเขาไม่ได้ แม้จะเป็นเพียงซากศพเดินได้ พวกเขาก็ไม่สมควรตายซ้ำด้วยน้ำมือของผม ไม่ใช่หน้าที่ของผมที่จะ…)
ทว่ารอยไม่ได้มีความหลังอะไรเหมือนเจสัน เขาจัดการยิงธนูติดระเบิดใส่ร่างนักบวช
Jason : (...ไปบอกรอยว่าต้องสู้ยังไง)
Koriand’r : นั่นจำเป็นด้วยเหรอ?
Roy : เขาตายแล้ว เขาไม่รู้สึกอะไรหรอก
Jason : (รอยพูดถูก แต่กับผม ในทางตรงข้าม?)
(นักบวชออลคาสท์ 1 : ไปไหนแล้ว?)
(นักบวชออลคาสท์ 2 : เกินไปมั้ย?)
(Jason ในอดีต : ขอล่ะ)
(นักบวชออลคาสท์ 3 : ตั้งสติ เจสัน มองผ่านอดีตเจ้าไป)
(นักบวชออลคาสท์ 4 : เจ้ากำลังรวดเร็วขึ้น เจสัน)
(Jason ในอดีต : หรือว่านายกำลังช้าลง ผู้เฒ่า)
ความทรงจำต่างๆไหลเข้ามา แต่เจสันก็ตัดสินใจฟาดฟันเหล่าอดีตนักบวชด้วยมีดยาว
Jason : (ผมรู้สึกเหมือนกำลังบอกลาอดีตที่ผมลืมไปว่าเคยมี)
Roy : เราจะเอาขยะออกไปทิ้งยังไง?
Jason : พวกเขาไม่ใช่ขยะ รอย
เจสันเอามีดแทงออลคาสท์คนสุดท้ายกลางอก
Jason : พวกเขาคือนักรบ พวกเขาคืออาจารย์ พวกเขาอาจเป็นผู้คนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยรู้จัก
Roy : โอ้ ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้จริงๆ
Jason : ฉันรู้
รอยถอดหมวกแสดงการไว้อาลัย เจสันนั่งลงแล้วกุมมือรำลึกถึง ส่วนโครี่วางมือบนบ่าเจสันแสดงความเสียใจด้วย รอบๆพวกเขาคือซากที่เหลือจากการต่อสู้และซากศพที่เคยเป็นนักบวชแห่งออลคาสท์และอาจารย์ของเจสัน
Jason : ไปเตะก้นพวกมันเหอะ เพื่อนร่วมทีม
(เล่มต่อไป : ห้องแห่งสรรพสิ่ง)
จบเล่ม 2.
***อ่านจบแล้วก็คอมเมนท์กันหน่อยสิเธอว์***
------------------------------------------------------------------------------------------
คุยกันท้ายเล่ม จะว่าไปภาพของเรื่องนี้นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ผู้สปอยล์อยากเอามาทำสปอยล์เลย ลายเส้นของคุณ Kenneth Rocafort วาดสามเกลอ รวมไปถึงทาเลีย อัล กูล ออกมาหล่อสวยสุดๆ สำหรับเล่มนี้ เป็นเล่มที่เรียกได้ว่าได้เห็นพัฒนาการของเจสันจากในอดีตที่่เป็นเด็กอารมณ์ร้อนมาจนเป็นอย่างปัจจุบัน และก็ได้เห็นพวกเอาท์ลอว์สเริ่มทำงาน (เริ่มเกรียน) ร่วมกันเป็นทีมแล้ว ในตอนนี้เนื้อเรื่องก็เหมือนเป็นการเกริ่นไปสู่การต่อสู้ในเล่มต่อไป ซึ่งอันไตเติลด์จะทรงพลังมากแค่ไหน แล้วยังมีดราม่าอะไรอีกคงต้องติดตามค่ะ
- Red Hood's Outlaw -
- Red Hood's Outlaw -
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น