3 กรกฎาคม 2557

Red Hood and The Outlaws #3 (2011)

มีใคร หรืออะไรรอคอยพวกเขาอยู่ในห้องแห่งสรรพสิ่ง
ดิอันไตเติลด์ต้องการอะไรจากออลคาสท์จนถึงขั้นยอมผิดพันธสัญญากันแน่
อะไรคือความหมายของความผิดจากอดีต และการต่อสู้ครั้งนี้จะนำพวกเขาไปสู่อะไร?


Red Hood and The Outlaws #3 (2011)
Cherish is The Word I Use-- to Destroy You!
เรื่องโดย : Scott Lobdell | ภาพโดย : Kenneth Rocafort and Blond
วางจำหน่าย : 16 พฤศจิกายน 2011
สำนักพิมพ์ : DC Comics
ผู้สปอยล์ : Red Hood's Outlaw

บางแห่งกลางเทือกเขาหิมาลัย
ณ ประตูทางเข้ายังห้องแห่งสรรพสิ่ง (Chamber of All)

Jason : (เจ้าเด็กตัวแกร็นนี่มีชื่อว่า ซารู (S'aru) ผู้คุม (The Proctor) อย่าโดนหลอกโดยการวางตัวแบบเด็กผู้ชายของเขาล่ะ ซารูอายุกว่าสี่พันปีแล้ว ประมาณนั้นมั้ง)

S'aru : โอ้ ไง ไม่ทันเห็นเจ้าเลย
Jason : เรามาผิดเวลารึเปล่า?

Jason : (นั่นควรหมายความว่าไม่มีใคร--ไม่มีสิ่งมีชีวิตที่ยังมีความรู้สึกตัวไหนๆ ไม่แม้แต่สัตว์นักล่าซักตัว--จะผ่านเข้ามาได้ เพราะว่าตลอดมาจนถึงเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ดิออลคาสท์ (The All Caste) คอยปกป้องไม่ให้ใครและอะไรมีทางเข้ามาไกลถึงขนาดนี้ได้)

(เจสัน ทอดด์ อดีตโรบินพยายามจะทำให้โลกรอบๆตัวเขาเข้าที่เข้าทาง, รอย ฮาร์เปอร์ (Roy Harper) ผู้แต่งตั้งตนเองเป็น “ซุปเปอร์ฮีโร่ในขั้นฟื้นฟู” รับมือกับชีวิตไปทีละวัน และโคริแอนเดอร์ (Koriand’r) องค์หญิงทาสจากอีกโลกผู้จะไม่ยอมถูกล่ามอีก อย่าเรียกพวกเขาว่าฮีโร่ อย่าเรียกพวกเขาเป็นทีม เรียกพวกเขาว่า เร้ดฮู้ดกับพวกนอกกฏหมาย (Red Hood and The Outlaws))

Cherish is The Word I Use-- to Destroy You!
ทะนุถนอมจะเป็นคำที่ฉันใช้เพื่อทำลายแก!


(คลิ๊กที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่)


Jason : นายตระหนักดีใช่มั้ยว่าเราจะไม่มีทางเข้ามาถึงตรงนี้ได้ถ้า--
S'aru : ถ้าดิออลคาสท์ไม่ได้ถูกสังหารหมู่โดยพวกอันไตเติลด์เจ้าเดิม ที่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ได้เดินผ่านข้าไปก่อนเจ้ามาที่นี่อย่างนั้นน่ะเหรอ? เหอะ

ด้านโครี่กับรอยก็ยืนเกาะแกะกันอยู่สองคน ไม่เข้าไปยุ่งกับเจสัน

Roy : พนันได้ว่าเขาจะต้องยิงเจ้าเด็กนี่ คอยดูนะ
Koriand'r : เขาไม่ใช่เด็กซะหน่อย ชู่วว

Jason : (เจ้าปากดีที่สวมหมวกคนขับรถบรรทุกคนนี้คือรอย ฮาร์เปอร์ (Roy Harper) เรียกตัวเองว่า อาร์เซนอล (Arsenal) สาวผมแดงตรงนั้นคือเจ้าหญิงโคริแอนเดอร์ (Koriand'r) หรือฉายาคือ สตาร์ไฟร์ (Starfire) แห่งดาวทามาราน (Tamaran) ส่วนผมคือเจสัน ทอดด์ (Jason Todd) หรือเร้ดฮู้ด (Red Hood)

S'aru : ทีนี้ยังไง? เจ้าอยากจะเดินลอยชายตามพวกอันไตเติลด์ไปแล้วแผลงฤทธิ์ล้างแค้นมันตรงนี้อย่างงั้นเหรอ
Jason : นี่ไม่เกี่ยวกับแก้แค้น ยังไม่เกี่ยวน่ะนะ ฉันถูกฝึกมาโดยออลคาสท์ นั่นหมายความว่าภาระตกมาที่ฉันในการค้นหาว่าสิ่งที่ดิอันไตเติลด์ต้องการอย่างร้ายแรงจนยอมละเมิดพันธสัญญาเก่าแก่แต่โบราณน่ะคืออะไร
Roy : เชอะ หลงคิดว่ารู้จักสหายดีแล้ว (เจสันไม่ได้ยิง)
S'aru : ก็ได้ แต่ข้าต้องรับผิดชอบในการเก็บยึดความทรงจำที่พวกเจ้าหวงแหนที่สุดเอาไว้เป็นมัดจำ เจ้ามารับคืนไปได้--ถ้าเจ้ากลับออกมาน่ะนะ
Jason : ก็ได้
Koriand'r : เอ่อ ที่จริงฉัน...
Roy : จริงดิ โครี่? ไม่ใช่ว่าเธอลืมทุกอย่างหลังจากผ่านไปห้านาทีหรอกเหรอ?
Koriand'r : แค่เรื่องไม่สำคัญต่างหาก จะว่าไปนายชื่อเรย์ (Ray) ใช่มะ?
Roy : โอ๊ยๆ

ซารูวาดมือขึ้นบนอากาศ แล้วกลุ่มควันสีฟ้าก็พากันลอยออกมาจากในตัวทั้งสาม เขาผายมือไปยังประตูที่อยู่ด้านหลังสามสหาย

S'aru : หลังประตูนั่น ทุกอย่างรออยู่
Roy : อย่าเคยชินกับความทรงจำของพวกเราล่ะ เพื่อน เรากลับมาทวงคืนแน่
S'aru : ข้ามั่นใจเชียวล่ะ

get used to หมายถึง เคยชินกับการเปลี่ยนแปลง/สิ่งของ หรือกิจวัตรบางอย่าง

ประตูไม้มีสภาพเก่ามาก เจสันเอามือดันประตูดู มันส่งเสียงลั่นเอี๊ยด

Roy : ถ้าต้องการพวกเราก็ส่งเสียงกรี๊ดได้เลยนะเร้ด
Koriand'r : เดี๋ยว อะไรนะ? นายไม่มากับพวกเราเหรอเนี่ย
Jason : นั่นมันก็แค่ "อารมณ์ขัน" ของเขาน่ะโครี่


 Jason : หายใจลึกๆแล้วตั้งสติล่ะ ห้องแห่งสรรพสิ่งอาจจะทำให้ท่วมท้นไปหน่อยในตอนแรก
Koriand'r : เห็นด้วยเลยล่ะ

ด้านหลังประตูเป็นทางเดินลงบันไดไปอย่างไร้จุดสิ้นสุด ราวกับในวอนเดอร์แลนด์ รอยมึนเกินกว่าจะเล่นมุก

Jason : เกาะอยู่ใกล้ๆฉันล่ะ
Roy : ตกลงนักบวชพวกนี้... ที่นี่? นี่มันเป็นถิ่นที่นายมาขลุกอยู่ก่อนหน้านี้จริงๆเหรอเนี่ย หืม? มิน่าสมงสมองพังหมด
Jason : เขาเรียกว่าเน็กซัส (Nexus) จากที่นี่นายสามารถไปที่ไหนก็ได้ ไปยังเมื่อไหร่ก็ได้
Koriand'r : แล้วเราจะไปไหนกันเหรอ?
Jason : ไม่รู้ดิ

not a clue หมายถึง ไม่รู้/คิดไม่ออกเลย

Roy : ไม่ได้ช่วยให้สบายใจเล้ย
Jason : ดูครา (Ducra) เคยบอกไว้ว่า "ไปตามทางแล้วทางจะนำไปเอง"

พวกเขาจึงพากันเดินกลับหัวกลับหางลงบันไดไปแบบไม่รู้ทาง

Jason : ฉันได้ใช้เวลาอยู่นานกับคนพวกนี้จริงๆ ใช่ แล้วนายเรียกใครสมองพังนะ?
Koriand'r : เรื่องนี้ฉันค่อนข้างเห็นด้วยกับรอยนะ
Roy : เอ่อที่รัก?


S'aru : ข้าไม่ควรทำมันจริงๆ มันขัดต่อระเบียบการ แต่เจ้าสามคนนี้--สงสัยเหลือเกิน ข้าจะแอบมองแค่ของยัยเอเลี่ยนแล้วกัน ไม่มีกฏเกณฑ์เรื่องการดูความทรงจำมนุษย์ต่างดาวซักหน่อย

ซารูคว้าก้อนความทรงจำกลมๆแล้ววาดไปกลางอากาศ

S'aru : อัศจรรย์จริงๆ เธอคนนี้ประมวลผลความทรงจำในแบบที่แปลกประหลาดที่สุด เกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะไขออกมา-- อ่าาา โคริแอนเดอร์ องค์หญิงผู้ถูกแลกเปลี่ยนให้ไปเป็นทาส อิสรภาพของเด็กสาวคนหนึ่ง แลกมาซึ่งสันติภาพของสองโลก แต่ถึงกระนั้น...

ภาพที่ซารูเห็นนั้นก็คือโคริแอนเดอร์ในวัยเยาว์ สีหน้าเศร้าหมอง เสื้อผ้ามอมแมมเดินย่ำพื้นโคลน พร้อมโซ่ตรวนที่ข้อมือ ช่างเป็นภาพที่น่าสงสาร



S'aru : (การทารุณก็ไม่เคยจบสิ้น...)

ณ ที่คุมขังในความดูแลของพวกซิทาเดล (The Citadel) ผู้ปราชัยต่อดาวทามาราน
โคริแอนเดอร์เดินแล้วก็กลับสะดุดล้มลงยังกองโคลน ผู้คุมคนหนึ่งสังเกตเห็นและหันมาเสวนาด้วย

ผู้คุม : จงลุกขึ้น ข้าเองก็เคยเป็นดักแด้ครั้งตอนอายุเท่าเจ้า เจ้าควรได้ใช้ชีวิตอย่างเสรี เจ้าหญิงน้อย ข้าขอโทษแทนผู้คนของข้าด้วย

เขาย่อตัวลงแล้วใช้นิ้วสัมผัสหน้าผากของเด็กสาวเบาๆ


Koriand'r : ขอบคุณในความเมตตาของท่าน ทหาร ข้าขอความกรุณาอะไรบางอย่างจากท่านจะได้มั้ย?
ผู้คุม : ถ้าหากมันอยู่ภายใต้อำนาจของข้า แน่นอน

ทันใดนั้นสตาร์ไฟร์ในวัยเด็กก็ปล่อยพลังแสงประจำตัวออกมาจากมือ แล้วอัดมันเข้าไปยังลำตัวของอีกฝ่าย!

Koriand'r : ช่วยสิ้นใจตายไปซะ! ไอ้ขี้ขลาด มือถือสากปากถือศีล!

ผู้คุมส่งเสียงหวีดร้อง ลำแสงพุ่งออกมาจากทางตาอย่างทรมาน ก่อนจะล้มหน้าคว่ำลงกับกองโคลน และแน่นิ่ง

Koriand'r : ข้าอาจถูกกักขังอยู่ที่นี่--แต่ข้าจะไม่ยอมทุกข์ทรมานจากความสมเพชเวทนาใต้ฝ่าเท้าของไอ้หนอนไม่มีกระดูกสันหลังอย่างเจ้า! ส่วนไหนของความเป็นองค์หญิงที่เจ้าไม่เข้าใจ?
ผู้คุม : อย่าได้เคลื่อนไหวอีก! ข้าหวังว่าเจ้าจะพอใจกับอากัปกิริยาอันไร้ซึ่งอำนาจของเจ้านะ
Koriand'r : ทำผิดพลาดโดยการก้าวเข้าใกล้ข้าสิ แล้วเจ้าจะได้รู้ด้วยตัวเองว่าข้าพอใจรึยัง


S'aru : เอ่อ นั่นมันช่าง... รบกวนใจ นั่นมันเป็นความทรงจำที่หวงแหนที่สุดของหล่อนหรือ? เจ้าสามคนนี้มันประสาทเสียขนาดไหนกัน?

ด้านในห้องแห่งสรรพสิ่ง
Roy : อธิบายมาซิว่าทำไมนายถึงรู้ว่าห้องนี้อยู่ที่นี่ ทั้งๆที่นายไม่เคยมาที่นี่มาก่อน?
Jason : เขาเรียกว่าการค้นคว้าไง
Roy : สอบได้ที่หนึ่งในโรงเรียนนักฆ่าหรือไง? พวกเขาคงภูมิใจกันน่าดู

พวกเขาเดินเข้ามาจนถึงกลางห้องโถงอันว่างเปล่า แต่มีหมอกปกคลุมอยู่ที่พื้น

Roy : หืมม โบราณวัตถุห่างออกไปร้อยเมตร อเล็กซ์ (Alex)

หมายเหตุ : ผู้สปอยล์ไม่แน่ใจว่ารอยกำลังอ้างอิงถึงตัวละครภาพยนตร์หรือนิยายเรื่องไหนอยู่รึเปล่าค่ะ แหะๆ

Koriand'r : นายรู้ได้ยังไงน่ะว่านั่นคือสิ่งที่ดิอันไตเติลด์ที่สังหารเพื่อนๆนายทิ้งเอาไว้ หรือแม้แต่ว่าทำไม?
Jason : พวกมันกำลังเยาะเย้ยฉัน-- ทิ้งเศษขนมปังที่ฉันตั้งใจว่าจะต้องตามไปเอาไว้

เบื้องหน้าพวกเขาจนสุดห้องโถงคือวัตถุบางอย่างที่ส่องแสงสีฟ้า


Koriand'r : เรารีบไปเอามันแล้วไปจากที่นี่กันเถอะ--โดยเร็วด้วย!
Roy : ใช่มะ? เจ้าเด็กนั่นคงไม่ได้กำลังแอบดูความทรงจำพวกเราอยู่หรอกนะ มันทำฉันรู้สึกปนเปื้อนอ้ะ ปนเปื้อน!

ทันใดนั้นจู่ๆโครี่ก็ร้องเตือนขึ้นมา

Koriand'r : อย่าก้าวไปอีกก้าวนะ! ฉันผ่านการฝึกด้านศิลปะแห่งสงคราม--นี่เป็นกับดัก!

setup หมายถึง การจัดฉาก/กับดัก

Roy : มีเป็นห่วงด้วย น่ารักจังเลย
Jason : ใช่ เราคุมสถานการณ์--

ทันใดนั้นจากที่พื้นข้างหน้าพวกเขาราบเรียบอยู่ดีๆก็กลายเป็นหนามสีเงินเต็มไปหมด แถมชี้ไปคนละทิศละทางซะด้วย

Jason : อะไรวะ--
Roy : บางทีเขาคงไม่ได้บอกศิษย์รักทุกอย่างใช่ป้ะ?
Jason : หุบปากซะรอย โครี่--หาจุดที่มองเห็นภาพรวมแล้วบอกเราหน่อยสิว่าเรากำลังเจอกับอะไรอยู่กันเนี่ย!



Koriand'r : เจสัน ฉันรู้แล้วล่ะว่าจะต้องรับมือกับ--คุณพระคุณเจ้าช่วย!
Jason : ช่างมันเถอะ ฉันเห็นละ

สิ่งที่พวกเขาเหยียบกันอยู่ก่อนหน้านี้ไม่ใช่พื้นด้วยซ้ำ แต่เป็นหลังของเจ้าตัวประหลาดสีเขียวที่ใส่สร้อยคอนี่ต่างหากล่ะ!

Roy : ฉันว่าฉันเพิ่งเจอความทรงจำที่ชอบเรื่องใหม่แล้วล่ะ! ฉันไม่ได้เล่นมุกนะเนี่ย มันโคตรเจ๋งเลย!

รอยยิงธนูไปปักไปกับส่วนหลังคอของเจ้าหลังหนาม เพื่อไม่ให้ตัวเองร่วงลงไปตาย ทางด้านเจสันเกาะอยู่กับหูตัวประหลาด โครี่บินมาข้างๆ

Koriand'r : เจสัน นายไหวมั้ย?
Jason : ไม่เคยดีเท่านี้เลย ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน--สนใจเรื่องจัดการเจ้าเขียวอัปลักษณ์ตัวเบ้งนั่นดีกว่า!


Jason : (ไม่มีทางที่ผมจะรับมือเรื่องนี้ได้ตัวคนเดียว)

เจสันยิงปืนเข้าไปในรูหูของเจ้าตัวเขียวสามนัด ท่าทางจะจั๊กจี้กันเลยทีเดียว สัตว์ประหลาดกรีดร้องออกมาดังสนั่น โชว์เพดานปากสีฟ้า เจสันยิงเสร็จแล้วก็ไม่อยู่ให้โดนเล่นงาน โดดออกกลางอากาศพร้อมโครี่บินมารับ

Jason : อาจจะเป็นเรื่องดีนะที่ฉันไม่พูดภาษาแก เพื่อน ไม่งั้นฉันว่าต้องมีเขินแน่ๆ

แต่แล้วสัตว์ประหลาดก็พุ่งลิ้นออกมามัดตัวโครี่ไว้ จนต้องร้องออกมาอย่างรังเกียจ

Koriand'r : เอาลิ้นออกไปนะ เจ้าสิ่งมีชีวิต!
Jason : ฉันพลาดอะไรไปเนี่ย?
Roy : ชิบหาย! ไอ้ตัวบ้านั่นกินโครี่ไปแล้ว--เจสัน?
Koriand'r : โอกาสสุดท้ายนะ!

ทางด้านเจสันเองก็คงช่วยอะไรไม่ได้ในเมื่อเขาเองก็เวิ้งว้างอยู่กลางเวหา



กลับมายังทางเข้า ซารูเป็นผู้รับฝากของที่แย่ที่สุดก็ว่าได้

S'aru : ไหนๆข้าก็ได้แหกกฏไปข้อนึงแล้วนี่นะ เอาน่า รอย ฮาร์เปอร์ ทำให้ฉันเพลินหน่อยซิ

ภาพความทรงจำทรงคุณค่าของรอย เป็นเมื่อตอนที่เขากำลังต่อสู้กับคิลเลอร์ คร๊อก (Killer Croc) แต่ดูแล้วนี่มันไม่ใช่การต่อสู้ซะละมั้ง เขาถูกเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียว คันธนูก็หัก ลูกธนูก็หมด แถมยังมีเสียงเหมือนกระดูกหักอีกด้วย

Roy : มีแรง... แค่นี้เหรอ?
Killer Croc : หยุดซะ ไอ้หนู! ทำไมแกไม่ยอมแพ้ซะ?!

stay down หมายถึงหมอบลง หรือก้มลงกับพื้น ในสถานการณ์นี้คร๊อกหมายถึงทำไมรอยถึงไม่ยอมนอนแล้วเลิกลุกขึ้นมาสู้นั่นเอง

Roy : ยอมแพ้? แก... ล้อเล่นเหรอคร๊อก? ฉันรอย ฮาร์เปอร์นะ ไม่มีใครจะเป็นไอ้ขี้แพ้ยิ่งไปกว่าฉันอีกแล้ว

รอยยืนโซเซ สภาพเหมือนจะตายแหล่ไม่ตายแหล่ แต่เขาก็ยังไม่หยุดสู้



Killer Croc : โอ้ ข้าเข้าใจละ
Roy : พูดให้น้อยต่อยให้มากสิ
Killer Croc : แกกำลังใช้ข้านี่หว่า! แกกำลังพยายามจะทำให้ฉันปลดปล่อยแกจากความทุกข์ระทมของชีวิตแก ตายโดยน้ำมือคร๊อกสินะ
Roy : อัจฉริยะมั้ยล่ะ?

รอยซวนเซจนจะล้ม ทว่าคร๊อกกลับยื่นมามาจับไหล่เขาไว้ แล้วเริ่มพูดกับเขาแทนที่จะจัดการฆ่าเขาซะ

Killer Croc : ไม่ "อัจฉริยะ" คือการเลิกคร่ำครวญอยากจะตาย แล้วคิดให้ออกซะว่าจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง ฮาร์เปอร์ ข้าอ่านหนังสือพิมพ์เหมือนใครๆนั่นล่ะ-- (จริงเหรอเนี่ย) ใช่ แกถูกไล่ออกโดยโอลิเวอร์ ควีน (Oliver Queen) เสียหุ้นทั้งหมดในคิว-คอร์* (Q-Core) แกอยากจะให้มันจบลงแบบนี้จริงๆเหรอ? ถูกซ้อมจนตายบนหลังคาตึกย่านเฮลส์คิทเช่น (Hell's Kitchen)

*หมายเหตุ : Q-Core คือแผนกหนึ่งในบริษัท ควีน อินดัสทรีส์ (Queen Industries) ของโอลิเวอร์ ควีน ซึ่งเป็นแผนกเกี่ยวกับการคิดค้นเทคโนโลยีต่างๆ และก็เป็นฉากบังหน้าของเขาในฐานะกรีนแอร์โร่ว (Green Arrow) ด้วย

Killer Croc : อย่าเข้าใจข้าผิดล่ะ ข้าก็ไม่รังเกียจหรอกที่จะหักแกเป็นสองท่อนแล้วโยนแกลงไปบนทางเดินข้างถนน แต่ข้าจะไม่ทำงานสกปรกให้แกแน่ แกอยากจะฆ่าตัวตายเรอะ? อย่าเอาข้ามาเกี่ยวด้วย
Roy : สำหรับสัตว์ประหลาด... แกไม่ใช่คนเลวร้ายเลยนะ
Killer Croc : ครั้งหน้าที่เราเจอกัน แกจะต้องเปลี่ยนความคิด

S'aru : ความเป็นเพื่อนสูญไป ทรัพย์สินหมดสิ้น เขาพยายามจะดึงชื่อเสียงรุ่งโรจน์กลับมา แม้ว่ามันจะต้องฆ่าเขาก็ตาม นั่นมัน... เกือบจะซาบซึ้งเลยเชียว ในแบบที่ออกจะน่าสมเพชน่ะนะ


Roy : เพื่อน โครี่เพิ่งจะถูกเขมือบไปโดยสัตว์ประหลาดยักษ์หนามแหลมนะ! เราต้องแก้ไขเรื่องนั้นกันหน่อยแล้ว!
Jason : เธอไม่เป็นไรหรอกน่า--เล็งธนูของนายต่อไปทีเหอะ
Roy : ครั้งหน้าที่ฉันเข้าไปปล้นคิว-คอร์เพื่อเอาธนูออกแบบพิเศษน่ะนะ... ฉันต้องเอาอันที่มันช๊อตๆมามากกว่านี้ซะแล้ว

เจสันกำลังเกาะอยู่กับฐานของลูกแก้วสีฟ้าที่พวกเขาตั้งใจจะมาเอา ผนังส่งเสียง "บาห์" ใส่รอย

Roy : ฉันไม่ได้พูดกับแกเลย แต่ก็ซาบซึ้งในเสียงใต้ลิ้นที่แสดงความเห็นชอบนะ

เจ้าสัตว์ประหลาดโดนธนูไฟช๊อตของรอยเข้าไปก็เกิดคันตามผิวหนัง รอยกระโดดหลบ

Jason : แค่อีกไม่กี่วินาที ฮาร์เปอร์ เราจะออกไปจากที่นี่ก่อนที่--

แล้วตอนนั้นเองที่เจสันได้เห็นอย่างชัดเจนว่าสิ่งที่อยู่บนแท่นนั้นคืออะไร

Jason : เราเพิ่งจะเสี่ยงชีวิตไปเพื่อ... ลูกแก้วหิมะ จากโคโลราโด (Colorado) นั่นมันคือคำใบ้สำคัญหรือไง?


รอยเอาเชือกจากธนูพันรอบตัวเจ้าสัตว์ประหลาดไว้เรียบร้อย ตัวเขาเองโหนลงมาอย่างเท่ ส่วนฝ่ายที่โดนเชือกพันกลับส่งเสียงแปลกๆอย่างกับจะเรอ

Roy : ทีนี้แกก็อยู่ในที่ๆฉันอยากให้อยู่ละ เอิ่ม... นั่นมันกลิ่นอะไรหว่า?

กลิ่นที่ว่านั่นคือกลิ่นท้องของเจ้าหลังหนามไหม้แล้วระเบิดจากข้างในนั่นเอง

Koriand'r : มันช่างเป็นสภาพแวดล้อมอันยอมรับไม่ได้สำหรับคนเป็นเจ้าหญิงเสียจริง ปล่อยเราไปซะ
Roy : ทำลายล้างแบบไม่ให้ผุดไม่ให้เกิดเลยนะนั่น

ดูเหมือนรอยจะอารมณ์เสียที่ตัวเองโดนแฟนสาวแย่งซีนจนอดโชว์จัดการสัตว์ประหลาดยักษ์

Jason : นายรู้มั้ยว่าจริงๆอะไรที่ทำลายล้าง? พวกเราถูกฆ่าไง เลิกโอ้อวดซะทีเหอะน่า


สักครู่ต่อมา
พวกเจสันเดินก้าวออกประตูมา ท่ามกลางความเซอร์ไพรส์ของซารู

S'aru : โอ้ พวกเจ้ารอด
Roy : ตลอดแหละ ทีนี้เอาความทรงจำพวกเราคืนมาได้แล้ว
S'aru : แน่นอน เดินทางคุ้มเที่ยวมั้ยล่ะ
Jason : พอจะนึกออกมั้ยว่าเจ้านี่มีนัยยะสำคัญอะไร? หรือว่าทำไมอันไตเติลด์ถึงทิ้งมันไว้?
S'aru : โทษที ข้าไม่รู้หรอก เอ้าเอาไป
Roy : ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นเรื่องสาวฝาแฝดกับวิปครีม
S'aru : แหงล่ะ เจสัน ทอดด์?

ทั้งรอยและโครี่รับความทรงจำตัวเองคืน แต่เจสันกลับหันไปทางอื่น

Jason : เก็บไว้เหอะ


เรามาดูกันดีกว่าว่าความทรงจำของเจสันนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ที่เขาจะไม่ต้องการเก็บไว้ ดูเหมือนสถานที่ในความทรงจำนั้นจะเป็นคฤหาสน์หลังงาม

เสียงผู้ชาย : คุณหนูบรูซ (Master Bruce)--ให้กระผมเสนอการช่วยเหลืออะไรหน่อยมั้ยครับ?

เจ้าของเสียงที่ว่านี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากอัลเฟร็ด เพนนิเวิร์ธ (Alfred Pennyworth) พ่อบ้านร่างผอมประจำคฤหาสน์เวย์น (Wayne Manor) ส่วนอีกคนหนึ่งในความทรงจำ เราก็รู้กันดีว่าเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้คือใคร

Alfred : คุณหนูเจสันเธอป่วยเป็นไข้หวัดน่ะครับ เห็นจะไม่เป็นการรอบคอบเอาเสียเลยหากอนุญาตให้เธอไปลาดตระเวนกับคุณด้วยคืนนี้
Bruce : เขาเป็นเด็กฉลาด อัลเฟร็ด เขารู้ตัวเองว่าไหวหรือไม่ไหว

บรูซนั่งง่วนอยู่กับคอมพิวเตอร์ตามประสา เจสันในชุดโรบิน (Robin) สีสดใสเดินอค่อกแค่กเข้ามาในถ้ำค้างคาว (Batcave) หน้าตาป่วยอย่างเห็นได้ชัด

Jason : นั่นบอก... เขา พร้อมหรือยัง?
Bruce : อัลเฟร็ดพูดถูก โรบิน นายพักอยู่ไปก่อนจนกว่าอาการจะดีขึ้น
Jason : ได้ครับ

เจสันว่าตามด้วยไออีกหนึ่งแค่ก แบทแมนเดินไปยังแบทโมบิล (Batmobile) คันงาม


อัลเฟร็ดยกถ้วยชามาเสิร์ฟให้ตามเคย เจสันถอดหน้ากาก นั่งหงอยอยู่บนโซฟา พ่อบ้านเดินเข้ามาเปิดทีวีให้ดู

Alfred : ไหนดูซิในโทรทัศน์มีอะไรให้ดูบ้าง
Jason : ผมไม่ใช่เด็กเล็กๆนะ! ผมดูแลตัวเองได้!
Alfred : งั้นผมก็หวังอย่างยิ่งว่าคุณจะทำ คุณหนูเจสัน

คนที่ปรากฏขึ้นมาข้างหลังโซฟานั่นก็คือบรูซนั่นเอง เขาไม่ได้สวมหน้ากากแบทแมน แถมยังมีสีหน้าผ่อนคลายกว่าปกติอีกด้วย

Bruce : พักอยู่บ้านบ้างซักคืนก็ไม่ถึงกับเป็นอาชญากรรม เจสัน แล้วนี่เราดูอะไรกันอยู่หรือ?



สุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็ไม่ได้ออกไปลาดตระเวน คืนทำงานกลับกลายเป็นการนั่งพักสบายๆพร้อมป๊อปคอร์นใส่ชามแทน เจสันหลับไปคาโซฟา ส่วนบรูซก็มีสีหน้าสบายใจแบบที่ไม่เห็นบ่อยๆเช่นกัน

(เล่มต่อไป : โลกมองพวกเขาเป็นพวกนอกกฏหมาย--เรากำลังจะได้เห็นว่าทำไม!)



จบเล่ม 3


***อ่านจบแล้วก็คอมเมนท์กันหน่อยสิเธอว์***

------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกันท้ายเล่ม สำหรับเล่มสามนี้ก็เหมือนเป็นเล่มย้อนอดีต ตั้งแต่ความตกต่ำของรอยในอดีตและความยากลำบากของโครี่ ในจักรวาล New 52 นี้นอกจากสตาร์ไฟร์จะแต่งตัวเปลี่ยนไปจากเดิมแล้วยังดูแล้วโหดกว่าเดิมอีกด้วย เช่นเดียวกับอาร์เซนอลที่มีรอยสักเพิ่มมาแถมใส่หมวกแก๊ป ส่วนเจสันก็ดูสุขุม ไม่อารมณ์รุนแรงอย่างเดิม แต่ผู้สปอยล์ก็ขอบอกว่าแบบนี้ก็ไม่ได้แย่หรอกนะ 5555 เล่มต่อไปสามเกรียนกำลังจะได้ไปตามล่าดิอันไตเติลด์ต่อที่โคโลราโดแล้ว พวกเขาจะเจออะไรรอคอยอยู่บ้าง อย่าลืมติดตามจ้า
          

1 ความคิดเห็น:

  1. ชอบมากเลยครับ มีสอดแทรกความรู้ภาษาอังกฤษด้วย เป็นกำลังใจให้ครับ :))

    ตอบลบ