เมื่อโลกิย้อนกลับไปยังอดีตที่โอดินยังเป็นเพียงเจ้าชายแห่งแอสการ์ด
ตำนานแห่งทองคำ มังกรผู้มากด้วยโลภะ ดาบวิเศษ และวีรบุรุษคนแรกแห่งแอสการ์ด
แต่ในขณะเดียวกัน โลกิก็ไม่ได้ปรากฎตัวเลยในเล่มนี้!!?
Loki: Agent of Asgard #3 (2014)
Your Life Is A Story I've Already Written
เรื่องโดย : Al Ewing | ภาพโดย : Lee Garbett
วางจำหน่าย : 2 เมษายน 2014
สำนักพิมพ์ : Marvel Comics
ตำนานแห่งทองคำ มังกรผู้มากด้วยโลภะ ดาบวิเศษ และวีรบุรุษคนแรกแห่งแอสการ์ด
แต่ในขณะเดียวกัน โลกิก็ไม่ได้ปรากฎตัวเลยในเล่มนี้!!?
Loki: Agent of Asgard #3 (2014)
Your Life Is A Story I've Already Written
เรื่องโดย : Al Ewing | ภาพโดย : Lee Garbett
วางจำหน่าย : 2 เมษายน 2014
สำนักพิมพ์ : Marvel Comics
นี่คือเรื่องราวของโลกิ
เรื่องราวที่เริ่มต้นจากโอดิน บุตรแห่งบอร์ ,เชษฐาแห่งวิลี, วี และ คัล เดอะ เซอร์เพนท์, เจ้าชายคนแรกแห่งแอสการ์ด -- นานแสนนานมาแล้ว ก่อนช่วงเวลาแห่งตำนาน -- ก่อนที่เขาจะกลายมาเป็นราชาแห่งแอสการ์ด ในระหว่างที่ทรงครองราชย์ทรงได้รับเลี้ยงโลกิ บุตรแห่งยักษ์น้ำแข็ง ลอฟฟี่ย์
โลกิผู้ซึ่งกลายเป็นเทพแห่งความชั่วร้าย โลกิผู้ซึ่งกำลังพยายามจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
โลกิผู้ซึ่งได้รับแกรม ดาบแห่งความสัตย์ ซึ่งเดิมเป็นของซิเกิร์ดผู้เลื่องลือในช่วงเวลาแห่งตำนาน (ผู้ซึงทุกวันนี้พเนจรอยู่ในโลกมนุษย์)
โลกิผู้ซึ่งทำข้อตกลงกับพระแม่ทั้งมวล สามผู้คุมกฎแห่งแอสการ์ด ด้วยการปฏิบัติภารกิจเพื่อแลกเปลี่ยนกับการอภัยโทษ
แต่สิ่งที่โลกิรู้ลึกๆเข้าไปในใจคือความผิดบางอย่างก็ไม่สามารถให้อภัยได้
และตอนนี้ยังมีโลกิอีกคน โลกิคนเก่า ผู้ซึ่งมายังแอสการ์ดด้วยเล่ห์กลที่จะทำให้พระแม่ทั้งมวลทำตามที่เขาต้องการ ตามหนทางของ...
...ตัวแทนแห่งแอสการ์ด
(คลิ๊กที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่)
ในขณะนั้นเอง
ห้องที่มืดและชื้นแฉะในส่วนลึกของแอสการ์ด
โลกิคนเก่ากำลังมองดูหนุ่มน้อยโลกิกับเวอริตี้ (Verity Willis) อยู่ ก่อนที่จะบ่นว่าเบื่อที่จะต้องมาอุดอู้อยู่ในนี้ และเขามีงานต้องทำ
"ชีวิตของเจ้าคือเรื่องราวที่ข้าได้เขียนมันไปแล้ว"
"Your Life Is A Story I've Already Written"
โลกิเดินทางย้อนเวลากลับไปยังช่วงเวลาแห่งตำนาน ช่วงเวลาที่โอดิน (Odin) ยังเป็นเพียงองค์ชายแห่งแอสการ์ด และไปดักพบตีสนิทกับโอดิน
ทั้งคู่เดินเล่นด้วยกันไปจนถึงริมแม่น้ำและพบกับตัวนากซึ่งมีขนาดเท่ากับคน ตัวนากจับปลาจะส่งให้กับโอดินแทนคำทักทาย แต่ในขณะที่โอดินกำลังพูดชมว่าช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ามหัศจรรย์อะไรเช่นนี้ โลกิก็ทำสิ่งที่โอดินไม่คาดฝัน ด้วยการหยิบมีดสั้นจากกระเป๋าแล้วปาเข้าใส่นากตัวนั้นจนสิ้นใจทันที!! เจ้าชายโอดินทรงเสียพระทัยมากและไม่เข้าพระทัยกับสิ่งที่โลกิทำ แต่โลกิกลับบอกว่าอย่างน้อยก็ได้เสื้อคลุมขนสัตว์สำหรับทั้งคู่ ทำให้โอดินไม่พูดอะไรอีก
ทั้งคู่เดินทางไปด้วยกันจนพบบ้านหลังนึง ซึ่งชายชราเจ้าของบ้านพร้อมด้วยลูกชายทั้งสองก็ให้การต้อนกับนักเดินทางทั้งสองเป็นอย่างดี ก่อนจะปรารภว่าลูกชายคนที่สามของเขายังไม่กลับมา เพราะเขาส่งลูกชายที่มีความสามารถในการแปลงร่างได้ ให้แปลงร่างไปหาอาหารที่แม่น้ำ ทำให้โอดินรู้ทันทีว่านากยักษ์ที่โลกิฆ่าไปนั้นคือลูกชายคนเล็กของชายชรานี่เอง โอดินจึงรีบขอตัวออกจากบ้านทันที แต่ชายชราห้ามไว้เพราะข้างนอกยามค่ำคืนนั้นหนาว จะรีบออกเดินทางทำไม แต่ก่อนที่ชายชราจะได้รับคำตอบ ลูกชายทั้งสองของเขาก็พูดแทรกขึ้นมา
ลูกชายคนรอง : ข้ารู้ว่าทำไม สิ่งที่พวกมันสวมอยู่บนหลังนั่นไง
ลูกชายคนโต : แผ่นหนังของน้องชายที่ตายไปของพวกเรา โอทร์ (Otr) --ผู้ถูกฆ่าด้วยมือของพวกมัน!
ชายชรา : ว่าอะไรนะ--?!
ในขณะที่สองพี่น้องจะเข้าทำร้ายโอดิน โลกิก็ประกาศว่านี่คือเจ้าชายแห่งแอสการ์ด แต่เรจิน (Regin) ชายผู้พี่กลับไม่ได้แยแส แต่ว่าฟาฟเนอร์ (Fafnir) ผู้น้องกลับบอกว่าถ้านั่นเป็นเจ้าชายจริงเราควรจะเรียกค่าชดเชยเป็นทอง แม้ว่าชายผู้พี่จะไม่เห็นด้วยแต่ชายชราผู้พ่อกลับเห็นดีเห็นงามแและบอกให้โลกิไปหาทองมาให้ท่วมเสื้อคลุมสองตัวนี้ก่อนรุ่งเช้าโดยให้โอดินอยู่เป็นตัวประกัน
โลกิจึงไปหาอันดวาริ (Andvari) คนแคระผู้ซึ่งมีทองคำมากมายมหาศาล และสามารถแปลงร่างเป็นปลายักษณ์ที่ทรงพลังจนไม่มีตะขอหรือแห และแม้แต่เวทมนต์ใดสามารถจับมันได้
Andvari : ใครอยู่นั่น ?
Loki : ข้าคือโลกิ ผู้หลอกลวง จอมเจ้าเล่ห์ และมาเพื่อเอาทองของเจ้าไป เจ้าปลาเฒ่า
Andvari : ฮ่า! ทำไมข้าต้องให้ทองเจ้าละ เจ้าผู้หลอกลวง ? เจ้ามีคันเบ็ดหรือแหหรือมือเปล่าที่สามารถจับข้าได้งั้นรึ ?
Loki : ข้าไม่มีหรอก
Andvari : แล้วเจ้ามีเวทมนต์ที่สามารถจับหรือบังคับข้าได้งั้นรึ ?
Loki : ไม่มีอะไรที่ทำแบบนั้นได้เลย
Andvari : งั้นเจ้ามีอะไรล่ะ โลกิผู้หลอกลวง ?
Loki : ข้ามีนี่
แล้วโลกิก็ล้วงเอาบาซูก้าออกมาจากกระเป๋าวิเศษของเขาหน้าตาเฉย แล้วยิงใส่อันดวาริซะงั้น!!?
แต่ก่อนที่อันดวาริจะตาย ได้ใส่คำสาปแช่งไปยังทองคำที่จะทำให้ความจริงปรากฎออกมา แลจะทำให้ทุกคนรู้ว่าโลกิเป็นคนฆ่าเขาไม่ว่าโลกิจะโกหกอย่างไรก็ตาม
แต่โลกิก็ไม่เห็นต้องโกหกนี่
Fafnir : ตะ..แต่เข้าไปเอาทองมากมายขนาดนี้มาจากไหนน่ะ ?
Loki : ข้ายิงปลาตัวนึงด้วยบาซูก้าน่ะ
(คือบอกความจริงไปก็ไม่มีใครเชื่อหรือเข้าใจอยู่ดี สมัยนั้นมีบาซูก้าที่ไหนล่ะ)
และโลกิก็ไม่ได้คิดจะเก็บทองพวกนั้นไว้เองอยู่แล้ว โลกิจึงมอบทองทั้งหมดให้กับครอบครัวของชายชราไป
Odin : เป็นเรื่องราวที่น่าอับอายจริงๆ แต่เจ้าช่วยเหลือพวกเราทั้งคู่นะโลกิ ทั้งๆที่เจ้าสามารถเอาตัวรอดคนเดียวได้ ข้าเป็นหนี้เจ้า
Loki : งั้นบางทีเจ้าอาจจะได้เจอโลกิคนอื่นในซักวันนึงแล้วเจ้าก็ช่วยเขากลับแล้วกัน เรื่องแปลกๆยังงี้มันก็เกิดขึ้นได้นะ
Loki : แต่ว่าเจ้าจะทำอะไรให้ข้าหน่อยได้มั๊ย โอดิน บอร์ซัน
Odin : ถ้ามันไม่ทำให้ใครเป็นอันตรายนะ
Loki : งั้นเจ้าสร้างหีบให้ข้าใบนึง ยาวและแข็งแรง พร้อมด้วยสลักห้าอันและกุญแจห้าดอก
Loki : ลงอาคมกุญแจพวกนั้นด้วยพลังเท่าที่เจ้ามี แล้วข้าจะบอกเจ้าอีกทีว่าให้เอาอะไรใส่ลงไปในหีบนั้น
ทางด้านครอบครัวของชายชรา เรจินผู้พี่ยังคงไม่หมดความแค้นและอยากให้พ่อออกตามล่าโอดินอีกครั้ง แต่ฟาฟเนอร์น้องคนรองผู้ถูกคำสาปของทองคำที่จะทำให้ผู้ครอบครองเผยความจริงออกมา ได้เผยตัวตนที่แท้จริงออกมา..
นั่นคือ ความโลภ.. เขาได้ลงมือสังหารพ่อและพี่ชาย ก่อนจะขโมยทองคำทั้งหมดหนีไป
แต่เรจินไม่ตายและด้วยคำสาปของทองคำเช่นกันที่ทำให้เขาเผยตัวตนที่แท้จริงคือความคั่งแค้น เขาจึงได้ตีดาบที่ชื่อ "แกรม (Gram)" ขึ้นมาเพื่อล้างแค้น
ส่วนฟาฟเนอร์ผู้ถูกความโลภครอบงำและได้รับคำสาปจากทองคำจนในที่สุดจิตใจที่น่ารังเกียจของเขาก็เผยความจริงออกมาทางร่างกายที่เปลี่ยนแปลงรูปร่างกลายเป็นมังกรร้ายที่น่าเกลียดน่ากลัว
และในตอนนั้นเองที่ซิกเกิร์ด (Sigurd) ผู้เลื่องลือ วีรบุรุษคนแรกแห่งแอสการ์ดเข้ามามีบทบาทในเรื่องเล่าของเรา
ซิกเกิร์ดผู้ซึ่งเดินทางมายังโรงแรมของเรจิน ผู้ซึ่งเล่าเรื่องมังกรฟาฟเนอร์เฝ้าทองคำให้แก่เขา แต่ว่าซิกเกิร์ดกลับไม่สนใจเรื่องทองคำ แต่เมื่อเรจินเล่าถึงดาบที่เขาตีขึ้นมาซึ่งคมขนาดตัดเกล็ดมังกรได้เหมือนตัดเนยกลับทำให้ซิกเกิร์ดสนใจขึ้นมาทันที และเรจินสัญญาว่าจะยกดาบเล่มนี้ให้แก่เขา ถ้าหากเขาสามารถนำหัวใจของมังกรฟาฟเนอร์มามอบให้ได้
และเขาก็ทำได้สำเร็จ
ซิกเกิร์ดทิ้งทองคำมหาศาลของฟาฟเนอร์ไว้ในถ้ำแห่งนั้นเพราะเขารู้ว่าไม่มีใครโง่พอที่คิดจะมาขโมยทองคำของเขา สิ่งที่เขานำติดตัวออกมาจากถ้ำแห่งนั้นมีเพียงหัวใจของมังกรฟาฟเนอร์และเลือดของมันที่กระเด็นเข้าปากเขาตอนสังหารมันเท่านั้น
แต่เมื่อซิกเกิร์ดกลับมายังที่พักของเรจินและกำลังจะย่างหัวใจของฟาฟเนอร์กินกันอยู่นั้น (อร๊ายยย! เปิบพิสดาร) เขาก็ได้ยินเสียงหนึ่งร้องเตือนขึ้นมา
"ซิกเกิร์ด ระวังตัว"
Sigurd : เจ้าได้กล่าวอะไรรึเปล่า เรจิน ?
Regin : ข้าเปล่า ชาวแอสการ์ด
ปรากฎว่าเสียงที่พูดกับเขากลับเป็นนกกางเขนตัวหนึ่ง
นกกางเขน : ท่านได้กลืนเลือดของฟาฟเนอร์เข้าไปแล้ว ซิกเกิร์ด เลือดที่ข้นไปด้วยคำสาปที่จะนำพาความจริงในทุกสิ่งออกมา เช่น นกพูดได้นี่ไงละ ซิกเกิร์ด
นกกางเขนกล่าวเตือนไม่ให้เขากินหัวใจของมังกรฟาฟเนอร์ แต่เรจินผู้เต็มไปด้วยความเคียดแค้นไม่ยอม และชักดาบออกมาหมายจะสังหารซิกเกิร์ด แต่ผู้กล้าอย่างซิกเกิร์ดย่อมรวดเร็วกว่า เขาใช้แกรมแทงใส่เรจินทันที และเมื่อแกรมได้อาบเลือดที่ต้องสาปของเรจินทำให้มันมีพลังที่จะนำความเป็นจริงของทุกสิ่งออกมาเช่นเดียวกับคำสาปนั้นเช่นกัน
ชั่วพริบตาก่อนตายเรจินผู้คิดว่าตัวเองคือผู้ล้างแค้นและนำความยุติธรรมมาสู่ครอบครัวของเขา ล้างแค้นจากฟาฟเนอร์และชาวแอสการ์ดคนไหนก็ตามที่มาขวางทางเขา แต่ความเป็นจริงที่แกรมบอกเขาในชั่วพริบตาที่มันแทงเข้าไปในตัวเขาคือ มันไม่ได้มีความยุติธรรมใดๆ ในตัวเขาเลย เขาเป็นเพียงคนกระหายเลือดที่อ้างความยุติธรรมเพื่อสังหารเพียงเท่านั้นเอง และเรจินก็สิ้นใจไปกับความจริงของตัวเขาเอง และนกกางเขนก็บินจากไป
ต่อมาซิกเกิร์ดหนีออกจากแอสการ์ดและทิ้งแกรม ดาบวิเศษของเขาไว้ โดยมีเสียงเล่าเลือว่าเขาหนีจากโทษทัณฑ์ของบอร์ (Bor) ราชาแห่งแอสการ์ด พระบิดาแห่งเจ้าชายโอดิน แต่ความจริงแล้วเขาหนีจากพันธะต่างๆในชีวิตเขาต่างหาก (เรื่องราวอยู่ใน Journey into Mystery #638 ซึ่งคนสปอยล์ก็ไม่เคยอ่านหรอกจ๊ะ)
ต่อมาไม่นานเมื่อบอร์สิ้นพระชนม์ โอดินได้ค้นพบแกรม ดาบแห่งวีรบุรุษและความหายนะแห่งแอสการ์ดจากท่ามกลางหีบสมบัติมากมายของบอร์ และนกกางเขนตัวเดิมก็บินมาหาโอดิน
และมันก็กลับเป็นร่างที่แท้จริง นั่นก็คือโลกิ!!
Loki : นั่นคือดาบของข้าที่ถูกสร้างขึ้นจากเวทมนต์ผ่านกาลเวลาและเรื่องราวเพื่อความต้องการของข้า
Loki : ยังจำหีบที่ข้าให้ท่านสร้างได้หรือไม่ ? ใส่ดาบเล่มนี้ลงไปในนั้น ปิดผนึกมันด้วยสลักทั้งห้าและแยกย้ายกุญแจออกไป ท่านจะลืมเลือนว่าผู้ใดเป็นคนบอกให้ท่านทำสิ่งเหล่านี้
Loki : ดาบแห่งวีรบุรุษ ซึ่งถูกปิดผนึกด้วยตัวโอดินเอง... เพื่อโลกิ
และโลกิก็สร้างภาพนิมิตของหนุ่มน้อยโลกิในตอนที่ได้ครอบครองแกรมขึ้นมาให้โอดินเห็น
Odin : ข้า.. ข้าจะทำตามที่ท่านขอถ้ามันไม่ได้ทำให้ใครเป็นอันตรายนะ แต่.. นั่นมันใครกันนะ ?
Loki : ไม่ใช่คนสลักสำคัญอะไรหรอกน่า แม้ว่าเจ้าจะได้เจอเขาเร็วๆนี้ก็ตาม อีกไม่นานเกินรอหรอก
และโลกิก็แปลงร่างกลับเป็นนกกางเขนและบินจากไป
บนภูเขาแห่งหนึ่ง ในเวลาปัจจุบัน
ชายผู้หนึ่งกำลังปีนขึ้นขึ้นไปในถ้ำที่อยู่กลางภูเขา ซึ่งภายในมีหีบเปล่าใบหนึ่งตั้งอยู่บนแท่นหินกลางถ้ำ
??? : โอ้ ไม่เอาน่า เอาจริงหรอเนี่ย ?
??? : เอาจริงดิ ? หมอนั่นมาถึงที่นี่แล้ว มันผ่านไปแค่ไม่กี่แสนปีเอง ชั้นหมายถึงชั้นอุตส่าห์ตามหามันเองจนเจอแล้วมันก็คือดาบของชั้นนะ
??? : บ้าเอ๊ย! โอเค รู้อะไรมั๊ย ? โลกิเอาดาบชั้นไป นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอก ไม่เป็นไร
และชายผู้นั้นก็คือซิกเกิร์ด วีรบุรุษคนแรกแห่งแอสการ์ดนั่นเอง
Sigurd : ชั้นก็แค่ไปขโมยมันกลับมาแค่นั้น
จบเล่ม 3.
***อ่านจบแล้วก็คอมเมนท์กันหน่อยสิเธอว์***
------------------------------------------------------------------------------------------
คุยกันท้ายเล่ม
เล่มนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ เป็นเพียงการเล่าถึงประวัติของแกรม ดาบแห่งความสัตย์ ดาบวิเศษที่โลกิวัยเยาว์ได้มาครอบครอง (ซึ่งเนื้อเรื่องตอนที่โลกิได้แกรมมานั้นอยู่ใน All New Marvel Now! Point One #1 ครับ) ซึ่งเนื้อเรื่องนี้คือการนำเอาตำนานเทพนอร์สมาดัดแปลงเท่านั้นเอง ถ้าหากใครอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับตำนานของซิกเกิร์ด หรือที่เรามักจะคุ้นเคยกับเขาในชื่อของซิกฟรีด (Siegfried) มากกว่า สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติม (ภาษาไทย) ได้ ที่นี่ และ ที่นี่ ครับ และสุดท้ายที่โปรยหัวว่าโลกิไม่ได้ปรากฎตัวในเล่มนี้ เพราะสุดท้ายแล้วโอดินก็ลืมว่าเคยเจอกับโลกิก็เท่ากับโลกิไม่ได้ปรากฎตัวนั่นเอง lol
เล่มนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ เป็นเพียงการเล่าถึงประวัติของแกรม ดาบแห่งความสัตย์ ดาบวิเศษที่โลกิวัยเยาว์ได้มาครอบครอง (ซึ่งเนื้อเรื่องตอนที่โลกิได้แกรมมานั้นอยู่ใน All New Marvel Now! Point One #1 ครับ) ซึ่งเนื้อเรื่องนี้คือการนำเอาตำนานเทพนอร์สมาดัดแปลงเท่านั้นเอง ถ้าหากใครอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับตำนานของซิกเกิร์ด หรือที่เรามักจะคุ้นเคยกับเขาในชื่อของซิกฟรีด (Siegfried) มากกว่า สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติม (ภาษาไทย) ได้ ที่นี่ และ ที่นี่ ครับ และสุดท้ายที่โปรยหัวว่าโลกิไม่ได้ปรากฎตัวในเล่มนี้ เพราะสุดท้ายแล้วโอดินก็ลืมว่าเคยเจอกับโลกิก็เท่ากับโลกิไม่ได้ปรากฎตัวนั่นเอง lol
งงอย่างแรง แต่ก็สนุกดี ขอบคุณครับ
ตอบลบแปลไปก็งงไปเหมือนกันครับ แล้วซีรีย์โลกินี่จะใช้คำโบราณเยอะ แล้วก็ใช้สำนวนในการเล่าเรื่องยากกว่าเรื่องอื่น นั่งมึนอยู่หลายชั่วโมงเลยครับ กว่าจะเรียบเรียงได้ T^T
ลบขอบคุณมากค้าบบบบ สนุกมากก^^
ตอบลบเอาต้นแบบตำนานของโอดินนะและครับ
ตอบลบอ่าน ENG Raw ผ่าน ๆ ไปรอบนึงแล้วก็มาเก็บอ่านสปอยล์อีกรอบนึง ขอบคุณมากนะคะที่อุตส่าห์ทำ ^^ ศัพท์เก่า ยาก แล้วก็ต้องใช้ความพยายามในการอ่านมากวก่าอ่านการ์ตูนปกติจริง ๆ นั่นแหละค่ะ
ตอบลบดีใจ มีคนเข้าใจแล้ว ฮือๆ.. ผมแปลผิดถูกตรงไหน แนะนำกันเข้ามาได้นะครับ ผมเองก็ไม่แม่นภาษาอังกฤษเท่าไหร่ แต่แค่อยากให้คนที่แม่นอังกฤษน้อยกว่าผม มีโอกาสได้อ่านคอมมิค แล้วหวังว่าความสนุกในคอมมิคจะช่วยให้คนไทยอยากฝึกภาษาอังกฤษมากขึ้นเพื่อจะได้อ่านคอมมิคได้เอง ไม่ต้องรอคนสปอยล์ ^^
ลบขอบคุณมากเลยนะคะที่แปลให้ได้อ่านกัน
ตอบลบสนุกมากเลยคะ
ขอบคุณทุกคนที่ชอบและแวะเวียนเข้ามาด้วยนะคร๊าบบบ.. แปลผิดแปลถูกตรงไหน แนะนำกันเข้ามาได้นะคร๊าบบบ
ตอบลบ