5 มิถุนายน 2557

Loki: Agent of Asgard #4 (2014)

การปะทะกันของซิเกิร์ด วีรบุรุษคนแรกของแอสการ์ด
กับโลกิ เทพเจ้าแห่งการหลอกลวง!
พระแม่ทั้งมวลจะทำอย่างไรกับความล้มเหลวในการจับลอเรไล
เวอริตี้จะช่วยโลกิหรือไม่ แล้วซิเกิร์ดต้องการอะไรจากชายแก่บนยอดเขา?


Loki: Agent of Argard #4 (2014)
Lets You & Him Fight!
เรื่องโดย : Al Ewing | ภาพโดย : Lee Garbett
วางจำหน่าย : 7 พฤษภาคม 2014
สำนักพิมพ์ : Marvel Comics
ผู้สปอยล์ : Red Hood's Outlaw

นี่คือเรื่องราวของโลกิ


แต่โลกิคนไหนล่ะ?


โลกิที่เกิดใหม่และกลับเป็นหนุ่มอีกครั้ง? โลกิคนที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ผู้ซึ่งได้ทำข้อตกลงกับพระแม่ทั้งมวล (The All-Mother) ผู้ปกครองทั้งสามแห่งแอสการ์ดเพื่อให้หนึ่งในความผิดของเขาถูกลบหายไปจากประวัติศาสตร์แลกกับทุกๆภารกิจที่เขาได้ทำสำเร็จ? โลกิคนที่จงใจไม่จับกุมลอเรไล (Lorelei) ผู้ที่เคยร่วมมือกับเขาทำเรื่องชั่วร้ายและก่อความเสียหาย? โลกิผู้ซึ่งในระหว่างภารกิจได้พบกับเวอริตี้ วิลลิส (Verity Willis)หญิงสาวผู้ซึ่งบ่งชี้คำโกหกได้ไม่ว่ารูปแบบไหน? โลกิคนนั้นหรือ?


หรือว่าจะเป็นโลกิอีกคนหนึ่ง!?


โลกิคนเดิม ที่เก่าแก่และไร้ซึ่งปราณี พร้อมด้วยพลังในการเดินทางไปยังเหตุการณ์และประวัติศาสตร์ต่างๆ เพื่อแทรกแซงให้มันเป็นไปตามเจตจำนงอันดำมืดของเขา? โลกิคนเก่า ผู้ซึ่งด้วยความชั่วร้ายและการเข่นฆ่า ได้สร้าง แกรม (Gram) ดาบแห่งผู้กล้า นับตั้งแต่ปัจจุสมัยแห่งแอสการ์ด และรับรู้ถึงพลังเวทย์แห่งความสัตย์อันทรงอำนาจที่เปี่ยมอยู่ในมัน ? โลกิคนเก่า ผู้ซึ่งเห็นดาบแห่งความสัตย์อยู่อย่างปลอดภัยในครอบครองของซิเกิร์ด (Sigurd) ผู้รุ่งโรจน์ วีรบุรุษผู้ซึ่งสามารถจะกวัดแกว่่งมันเพื่อสร้างตำนาน? โลกิคนเก่าผู้ซึ่งตามหลังการตกต่ำของซิเกิร์ด ได้จัดการให้มั่นใจแล้วว่าดาบนั้นจะถูกส่งต่อไปยัง...โลกิที่เด็กกว่า!?


(ที่จริงซิเกิร์ดก็ยังวนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์ล่ะนะ และเขาก็ต้องการดาบคืนด้วยเหตุผลของเขาเอง)


กลอุบายอันสลับซับซ้อนนี้จะนำไปสู่อะไรกันแน่? ใครกำลังตามรอยใคร? และทำไม? โลกิคนไหนที่จะมีคำตอบเหล่านี้?


โลกิคนไหนคือตัวแทนแห่งแอสการ์ด?

(คลิ๊กที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่)


บนยอดเขาที่แปลกประหลาดลูกหนึ่ง
ณ ที่ใดที่หนึ่งในทิเบต ณ ปัจจุบัน


(คาลู : ปรมาจารย์ด้านมนตร์ดำ เขากำลังทำสมาธิในสภาวะนิ่งสงบ ก่อนที่บางสิ่งจะเข้ามาขัดจังหวะ)


ใครบางคนกำลังปีนขึ้นมาบนเขา เสียงรบกวนทำให้คาลู (Kaluu) ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย และเมื่อเขาปีนขึ้นมาและเปิดฮู้ดออกมานั้น ชายคนนี้คือซิเกิร์ด (Sigurd) นั่นเอง และเขามาพร้อมกับวัตถุบางอย่างในห่อผ้า


Kaluu : มาทำสมาธิเป็นเพื่อนข้าสิ ข้าไม่ได้ขึ้นมาอยู่บนนี้เพราะอยากอยู่คนเดียวเลยซักนิด

ชายแปลกหน้า : ท่านทำมาหากินอะไรน่ะ

Kaluu : จะถามไปทำไมกัน มีงานจะมาเสนองั้นหรือ?

ชายแปลกหน้า : ข้าชื่อซิเกิร์ด สมญานามคือผู้รุ่งโรจน์ และนี่..…

ซิเกิร์ดหยิบบางอย่างออกมาจากห่อผ้าราวกับจะขายของ


Sigurd : --คือแกรม! ดาบของผู้กล้า!

Kaluu : ดาบแห่งความสัตย์รึ น่าสนใจ จากตำนานเทพนอร์สงั้นสิ

Sigurd : ตามนั้น เพราะข้าคือผู้กล้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแอสการ์ด ผู้ซึ่งฆ่าฟาฟเนียร์ กำชัยกว่าพันสนามรบ…

Kaluu : โถ่ เจ้าอาจเคยดีเลิศไปเสียหมด แต่นั่นมันผ่านมานานแล้วใช่มั้ย? ตอนนี้เจ้าก็อยู่สบายไปเรื่อยๆเท่านั้นล่ะ เชื่อเถอะไม่ต้องลำบากสร้างมาด

Sigurd : ก็คุ้มที่จะลอง เผื่อว่าประวัติดีแล้วจะได้ส่วนลดบ้าง

Kaluu : หืม… แล้วเจ้าไปได้มันมายังไงกัน

ก็นะ เรื่องมันยาวหน่อย…

ซิเกิร์ดเล่าย้อนความไปในตอนที่เขาได้ดาบแกรมมา


ให้นายกับเขาสู้กัน!

LET'S YOU & HIM FIGHT!

เห็นใครบางคนกำลังปีนตึก ตึกหลังนี้ก็คือ…


 ...อพาร์ทเมนต์ของโลกิ (Loki) ในแมนฮัตตันนั่นเอง และดูเหมือนโลกิกับเวอริตี้กำลังจะทานมื้อค่ำอยู่ในห้องนั่งเล่น พร้อมดาบแกรมที่วางพิงโซฟาให้เห็นชัดเจน

Verity : เทพนอร์สแห่งการหลอกลวงทำอาหารเป็นเหรอเนี่ย?
Loki : จริงๆ อาหารส่วนมากของชาวแอสการ์ดก็มักจะเป็นสะโพกสัตว์ย่างแหละนะ แต่ผมว่าอาหารของมนุษย์น่าสนใจกว่าเป็นกอง มีเนื้อสัตว์เล็กๆเยอะไปหมด
Verity : เอ่อ ฉันแค่จะถามให้หายข้องใจ และฉันคงไม่ถามหรอกถ้านายไม่ใช่… คนที่นายเป็นน่ะ แต่ที่นายชวนมาค้างที่นี่มีจุดประสงค์ซ่อนเร้นอะไรรึเปล่าเนี่ย

(เวอริตี้ วิลลิส : เห็นหมดว่าใครโกหกบ้าง)

Loki : คือเรื่องนั้น...

ระหว่างที่โลกิกำลังอธิบายให้เวอริตี้ฟังในสิ่งที่เขาต้องการพูด ฝ่ายซิเกิร์ดที่กำลังลอบเข้ามาทางหน้าต่าง ก็ได้ยินบทสนทนาบางอย่างเกี่ยวกับลอเรไล ไฮม์ดัลล์ และภาพลวงตา ซึ่งเขาเองก็ยังจับใจความไม่ได้

(ซิเกิร์ดกำลังสวม : ชุดรัดรูปเคลื่อนไหวง่ายของคอร์เท็กซ์สปอร์ทิฟ / แว่นปราศจากเลนส์จากคอลเลคชั่นฤดูใบไม้ผลิ 2014 ของแวนไดน์ และยังมีเข็มขัดล่องหนไลท์เบนเดอร์ที่เขาขโมยมาจากโกดัง A.I.M. ในเมืองสเกอเนคทาดีอีกด้วย!)

Loki : ...นั่นก็คือแผนโดยคร่าวๆ


 Verity : ว่าแล้วเชียว ฉันก็ขอบใจนะโลกิที่พูดกันอย่างจริงใจ แต่ว่า…

(เวอริตี้กำลังกิน : แซลมอนอบเลมอน มันฝรั่งผัดพริกไทย มัสตาร์ดคลุก)

Verity : อืม รสชาติไม่เลวนะ

(เคล็ดลับคือดึงผิวนอกของแซลมอนออกก่อนจะนำมาทำ แล้วย่างอย่างเร็วกับเลมอน น้ำมัน และเกลือนิดหน่อยจนกรอบนิดๆ และยังต้องใส่ซอสมาโยในมัสตาร์ดเยอะๆด้วย ลองดูสิ!)

Verity : แต่ยังไงฉันก็ไม่ช่วยนายบุกเข้าไปที่ไหนหรอกนะ ฉันจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของการปล้น ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น… ว่าแต่ผู้ชายล่องหนนั่นคือใครน่ะ?
Sigurd : เอ่อ… หวัดดี ผมรู้นี่มันดูแย่


Sigurd : แต่ผมสาบานว่าจะชดเชยให้คุณ โดยเฉพาะคุณเลย บางทีอาจจะมื้อค่ำซักมื้อ เต้นรำนิดหน่อยแล้วดูว่าจะยังไงต่อ…
Verity : โทษที อะไรนะ? นี่พูดกับฉันเหรอ?
Loki : จะไม่คุยก็ได้… เวอริตี้ นี่ซิเกิร์ด ผู้กล้าคนแรกของแอสการ์ด
Verity : นายมอมแมมแถมเสี่ยวคนนี้คือผู้กล้า? แล้วใครคือผู้ร้ายกันนี่

ซิเกิร์ดโค้ง แถมใช้สรรพนามโบราณใส่เวอริตี้อีกต่างหาก

Sigurd : คุณพูดได้เจ็บปวดมาก โฉมงาม คือผมเองที่ได้สังหารมังกรฟาฟเนียร์ เป็นการพิสูจน์ว่าผมต่อสู้ภยันตรายใดๆต่อเหล่ามนุษย์ แต่คุณเองก็มีเวทย์มนตร์บางอย่างภายใน...
Verity : อาจใช่ ตั้งแต่ฉันเกิดมายังไม่มีใครสามารถ…
Sigurd : …ดังเช่นสายตาอันทรงสเน่ห์นั้นได้สะกดซิเกิร์ดผู้เลื่องลือคนนี้ให้…
Verity : เอาล่ะ บทสนทนานี้พอทีเถอะ
Sigurd : ก็เห็นใครๆเขาชอบเวลาธอร์พูดจาโบร่ำโบราณ โอเค ฟังนะ อย่างแรกเลยคือมันเป็นดาบของผม อย่างที่สองคือผมแค่จะขอยืม เมื่อใช้เสร็จแล้วจะคืนให้ เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่…
Loki : อืม… ที่จริงแล้ว...


ก่อนหน้านี้…

โลกิกำลังสื่อสารกับพระแม่ทั้งมวลผ่านทางวิดิโอเกม

(ไกอา เฟรย่า อีดุนน์ : พระแม่ทั้งมวล ปกครองแอสการ์ด)

Loki : หืม นี่มันเป็นการบำบัดชัดๆ
The All-Mother : เราไม่พึงพอใจ โลกิ ความล้มเหลวของเจ้าในการจับกุมลอเรไลนั้น… น่าประหลาดใจ
Loki : หล่อนเพียงแค่เอาชนะผมได้ พระแม่ ข้ามั่นใจว่าจะมีโอกาสอีกในซักหนึ่งปี
The All-Mother : หนึ่งปีเป็นเวลายาวนานเกี่ยวกับการปกครอง โลกิ สำหรับเหล่าเทพ มันคือนิรันดร์กาล พวกข้าหวังว่าเจ้าจะจัดการกับซิเกิร์ดผู้รุ่งโรจน์ได้เร็วกว่าที่เจ้าจัดการลอเรไล
Loki : อีกแล้วหรือ ทำไมกัน?
The All-Mother : พวกข้าเคยบอกเจ้าแล้วโลกิ เราจะต้องนำชาวแอสการ์ดที่ไม่เชื่อฟังกลับถิ่น ที่ซึ่งเราจะจับตาดูพวกเขาได้
Loki : เช่นนั้นก็เถอะ ไม่ใช่พวกอดีตดีเซียร์ (Disir) คอยเฝ้าดูซิเกิร์ดอยู่แล้วงั้นหรือ พวกเขาคือวัลคีรี่ (Valkyrie)* (ข้ารับใช้ของโอดิน) พวกเขาจะไม่ไว้ใจซิเกิร์ด ต่อให้พวกเขากำลังรอล้างแค้นหลังจากเขาตายก็ตาม

*รายละเอียดอ่านต่อได้ใน New Mutants #43

The All-Mother : เจ้าจะยังทำให้เราผิดหวังอีกหรือเปล่าโลกิ? พวกข้าแน่ใจว่ามีสิ่งที่ง่ายกว่านั้นให้เจ้าทำ... ยังคงมีชาวแอสการ์ดอีกคนหนึ่ง เป็นอิสระอยู่ที่มิดการ์ด ใช้ชีวิตหรูหราและเล่นวิดิโอเกมส์ หรือเขาควรกลับมาแทนที่จะอยู่ที่นั่น?
Loki : ข้าเข้าใจคำของท่านแล้ว พระแม่ อย่างชัดเจนเลยล่ะ


กลับมาสู่ปัจจุบัน

Loki : เพราะงั้นเรื่องนี้ไม่นายก็ฉันแหละนะ
Sigurd : งั้นคงจะเป็นนาย จะอะไรก็ช่างเถอะ
Verity : โลกิ ระวังไว้ เขามีดาบเวทย์มนตร์นั่นอยู่
Loki : ใช่เขามี แต่โชคดีหน่อย ที่นักมายากลตัวจริงจะเก็บบางอย่างไว้ใต้แขนเสื้อเสมอ เจอกับ เลวาแทน (Laevateinn) ดาบจากบรรพบุรุษของฉันหน่อยสิ
Sigurd : ดาบจากบรรพบุรุษของนายชื่อว่า "กิ่งสังหาร" เนี่ยนะ?
Loki : เถอะน่า ชื่อไม่ค่อยเพราะ แต่มัน...
Sigurd : เอาจริงๆ ไม่มีอะไรที่เจ๋งกว่านี้เลยเหรอ อย่างเช่นมีดตัดเนยน่ะ
Loki : โทษนะ เราจะมาสู้กันวันนี้มั้ย หรือนายแค่มาอวดว่าอาวุธนายสุดยอดแค่ไหน
Sigurd : จะแสดงให้ดูเลยแล้วกัน

แคร้งง!!

ซิเกิร์ดเข้าประชิดโลกิด้วยดาบของเขา แต่โลกิไม่สะทกสะท้าน เอาดาบรับไว้อีกด้วย


Loki : งั้นเหรอ? เพราะถ้าถามฉันนะ... ฉันแค่กำลังเต้นรำเท่านั้นเอง
Sigurd : ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ ฉันมีอะไรจะสารภาพ... ที่จริงแล้วฉันถนัดซ้ายต่างหาก
Loki : โอ้ ฉันเองก็มีเรื่องจะสารภาพเหมือนกัน หนังเรื่องนั้นฉันเองก็เคย… เหวอ!

มุกนี้คิดว่าเป็นประโยคที่ล้อเลียนหนังเรื่อง The Princess Bride ซึ่งในหนังจะมีบทสนทนาคล้ายๆแบบนี้ แต่เป็นการสลับดาบจากมือซ้ายมาเป็นใช้ดาบมือขวาแทน
Inigo: I admit it: you are better than I am!
Man in Black: Then why are you smiling?
Inigo: Because I know something you don't know.
Man in Black: And what is that?
Inigo: I am not left handed! [Switches the sword to his right hand and starts driving him back]
ซิเกิร์ดเล่นทีเผลอจนเฉียดเอาผมโลกิแหว่งไปนิดหน่อย ก่อนจะถีบจนโลกิกระเด็นออกจากหน้าต่าง!

Sigurd : ฮ่า! นายช่างดู…
Verity : โลกิ! นายฆ่าเขา!
Sigurd : คงงั้นมั้ง? เป็นความผิดของเขามากกว่าที่ดาบห่วย
Loki : อะแฮ่ม


โลกิไม่ได้ตาย และเขาก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรด้วย เขากำลังยืนอยู่บนราวตากผ้าในตรอกข้างอพาร์ทเมนต์!?

Loki : เวลาพูดยิ้มด้วยสิคนแปลกหน้า!
Sigurd : โลกิ?
Loki : โชคดีจริงที่ฉันใส่รองเท้าเจ็ดวิเศษ (Seven-league Boots) ที่สามารถเปลี่ยนราวตากผ้าให้เป็นราวพาดขาแทน ฉันจะให้นายเลือกละกันว่าจะจบเรื่องนี้เสียตอนนี้ หรือจะให้ฉันตามหานายเจอตอนหลับ และนายตื่นมาเจอกับความปราณีของพวกวัลคีรี่แทน
Sigurd : บ้าอะไรวะ
Loki : พูดจาสมเป็นผู้กล้าเสียจริง อย่าลื่นซะแล้วกัน มันสูงอยู่นะต่อให้สำหรับนายก็ตาม และนายก็ไม่มีรองเท้าวิเศษที่จะตรึงไว้กับเชือกเสียด้วย
Sigurd : งั้นเหรอ… แต่นายไม่มีเชือกด้วยซ้ำ

ว่าแล้วซิเกิร์ดก็ใช้ดาบของเขาตัดเชือกราวตากผ้าทันที

Loki : โอ้.. นายคงไม่ได้ตัด…
Sigurd : ใช่ ฉันตัดเชือก ลงพื้นให้สวยๆล่ะ (I did. Happy Landing.)

และทั้งคู่ก็ร่วงลงไปในถังขยะในตรอกเบื้องล่าง


โลกิและซิเกิร์ดต่อสู้กันชุลมุนอยู่ในถังขยะ ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะแทงดาบทะลุฝาถังขยะออกมา และทำให้การต่อสู้สงบลงก่อนที่จะถีบฝาถังขยะและปีนออกมาจากข้างใน.. และใครคนนั้นก็คือซิเกิร์ด!!

Sigurd : บ้าจริง ฉันช่างไม่เป็นผู้กล้าเอาซะเลย

ซิเกิร์ดเดินรำพึงกับตนเองไปจากที่นั่น พร้อมรอยเลือดที่ไหลออกมาจากถังขยะที่มีร่างของโลกิอยู่ข้างใน

Kaluu : เจ้าฆ่าเทพในการต่อสู้งั้นรึ?


ปัจจุบัน

Sigurd : ก็นะ ข้าเองก็เป็นเทพ และก็อยู่มาได้นานกว่าเขาเยอะ
Kaluu : และตอนนี้เจ้าก็มีดาบแห่งความสัตย์
Sigurd : ใช่ รวมถึงพลังแห่งความสัตย์มากพอจะทำลายทุกคำโกหก เพราะฉะนั้นข้ามั่นใจได้หากท่านโกง ท่านจอมเวทย์ผู้ชั่วร้าย
Kaluu : ข้าใช้มนตร์ชั่วร้ายเพื่อประโยชน์อันดีกว่าเท่านั้น เจ้าต้องการอะไรซิเกิร์ด
Sigurd : ท่านรู้จักกงล้อแห่งกรรม (Wheel of Karma) หรือเปล่า?
Kaluu : กงล้อแห่งการเวียนว่ายตายเกิด หนึ่งในระบบที่จับต้องไม่ได้ของความเป็นจริง หมุนวนไม่จบสิ้น ขณะที่มนุษย์เปลี่ยนแปลงอยู่ภายในอย่างไม่รู้จบ เราตายและเกิดใหม่อีกครั้งในอีกจุดหนึ่งบนกงล้อ ในภพภูมิต่างๆ กันไป ไม่ว่าจะเป็นภพภูมิของสัตว์เดรัจฉาน ภพภูมิของมนุษย์ หรือภพภูมิของเทพ ชัดเจนเลยว่าข้าไม่เคยรู้จักมันมาก่อนเลยนะ

Sigurd : ฮ่า ฮ่า ข้าอยากเป็นส่วนหนึ่งในนั้น


Kaluu : เจ้าอยากเปลี่ยนศาสนา? ข้าสงสัยเพราะข้าคิดว่าเจ้าทำเองที่บ้านก็ได้นี่..
Sigurd : ไม่ใช่ข้า ข้าเป็นเทพแอสการ์ด จำได้มั้ย? และเป็นผู้กล้าด้วย แต่ข้าจะถูกขังอยู่ในวัลฮัลลา (Valhalla) เมื่อข้าตาย โดยไม่มีทางจะออกมาได้ และวัลฮัลลาก็มีพวกวัลคีรี่ที่สาบานจะกำจัดซิเกิร์ดผู้น้อยนิด หรืออาจแย่กว่านั้น ข้าเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้และเอาชนะชะตากรรมไม่ได้ด้วย แต่หากข้าออกจากการล่านี้ได้ ถ้าหากเทพสามารถจะกลับมาเกิดเป็นอย่างอื่นได้ล่ะก็…
Kaluu : ซิเกิร์ด แผนการนี้ของเจ้านั้นเสียสติ ในทางขนบจารีตแล้วโง่เขลาและอาจเป็นการลบหลู่ด้วย แต่ในทางปฏิบัติแล้วข้าจะช่วย
Kaluu : ก่อนอื่นข้าจะช่วยให้เจ้าสบายใจเสียก่อน

คาลูรับดาบแห่งความสัตย์มาจากซิเกิร์ดและกรีดเลือดของเขา กล่าวคำสาบาน

Kaluu : ข้าจะนำซิเกิร์ดสู่กงล้อแห่งการเวียนว่ายตายเกิด และข้ามิได้พูดปด…. เอ้า ตาเจ้า
Sigurd : อะไรนะ?
Kaluu : ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าเจ้าไม่ได้โกหก ในเมื่อนั่นเป็นดาบจากโลกิ
Sigurd : โอเค ก็ได้ “ข้าคือซิเกิร์ดตัวจริง” พอใจรึยัง?

ซิเกิร์ดเองก็ทำแบบเดียวกัน เลือดทั้งสองหยดลงบนพื้นเพื่อแสดงว่าทั้งสองฝ่ายไม่ได้โกหก แต่ทันใดนั้นคาลูก็แสยะยิ้มพร้อมดวงตาที่เป็นประกาย

Kaluu : สมบูรณ์แบบ


ชายที่ชื่อคาลูได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน กลับกลายเป็นชายร่างกายสีแดง พร้อมเปลวไฟและกรงเล็บ ตัวจริงของเขาคือเมฟิสโต้! (Mephisto) เทพปีศาจแห่งนรกโลกันต์!!

Mephisto : ดวงวิญญาณของเจ้าจะปลอดภัยจากวัลคีรี่ เจ้าผู้กล้าผู้ทำบาป… เพราะมันจะต้องแผดเผาตลอดชั่วกัปชั่วกัลป์อยู่ในนรกแทน ในขุมนรกแห่งการทรมานของเมฟิสโต้! ฮ่าๆๆๆ!


Mephisto : สวัสดี ตาแก่คาลูไม่อยู่นี่ตอนนี้หรอกนะ เพราะมันกำลังยุ่งอยู่กับจุดจบของมนุษยชาติอยู่ไงล่ะ*

*อ่านได้ใน Mighty Avengers อย่าได้พลาดเชียว!

Sigurd : แต่เจ้าโกหกไม่ได้นี่… ดาบข้า…
Mephisto : ข้าไม่ได้โกหก แต่ข้าไม่เคยพูดเลยนี่ว่าข้าเป็นใคร และส่วนหนึ่งในการทรมานของเจ้านั่นก็จะมีส่วนเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ข้าได้สร้างขึ้นมาด้วย เมื่อมันหมุนมันจะเฆี่ยนเจ้าด้วยดอกไม้ที่ทำจากแส้ม้า นั่นล่ะคือกงล้อแห่งการเวียนว่ายตายเกิด! คิดซะว่ามุขนั่นเป็นความระทมทุกข์อย่างแรกของเจ้าซะ
Sigurd : อ๊ากก

ซิเกิร์ดพุ่งเข้าใส่หมายจะทำร้ายเมฟิสโต้ด้วยดาบของเขา แต่ข้อตกลงก็คือข้อตกลง

Mephisto : อย่าดิ้นรนเลย เจ้าได้ตกลงทำมันไปแล้ว อย่าลืมพันธสัญญาของเราสิ ทั้งเลือดของเจ้าและของข้า กติกาพื้นฐานของนรกไงล่ะ มันเป็นข้อตกลงอันน่าสยดสยองและความไม่รู้ก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัว ดังที่ได้ระบุไว้ชัดเจนในย่อหน้าที่สี่ วรรคที่… หืมม นี่ไม่ใช่พันธสัญญาของข้าซักหน่อย


Loki : ที่จริงมันเป็นของฉัน
Mephisto : โลกิ?
Loki : ฉันแอบสลับกระดาษตอนที่นายมัวแต่ยุ่งกับการฟังนิทานความกล้าหาญของซิเกิร์ด ครั้งหน้าใส่ใจมากกว่านี้หน่อย
Mephisto : ไม่มีทางที่เจ้าจะลอดสายตาข้าไปได้ ไอ้…
Loki : อ่า แต่ฉันมีเสื้อคลุมหายตัวและเครื่องรางแห่งการล่องหนของลอเรไล (Lorelei) แล้วยังไม่รวมเข็มขัดวิทยาศาสตร์ของพวกมนุษย์ฉันฉกมาจากซิเกิร์ดระหว่างที่เราสู้กันในถังขยะ คงไม่คิดว่าจะล่องหนได้มากกว่านี้แล้วล่ะ ที่จริงเลือดของฉันก็มองไม่เห็นเหมือนกันนะ แต่ถ้านายลองดูในสัญญา จะเห็นว่าเราทั้งหมดได้ลงชื่อ…
Mephisto : นี่-- นี่มัน--

เมฟิสโต้ทำหน้าเหมือนจะเงิบที่โดนโลกิหลอกเปลี่ยนสัญญาได้ แต่แล้วก็รีบกลับมาแอ๊บวางมาดทันที

Mephisto : มันเทคนิคสั่วๆ แค่สลับสัญญาทีเผลอเหมือนพวกสลับไพ่กับลูกเล่นห่วยๆ พวกนั้น มันเป็นอะไรที่ข้าคิดมาจะมาจากพวกไก่อ่อนมากกว่า ไม่ใช่จากแก (เทคนิคสั่วๆ แต่ก็หลอกแกได้ไม่ใช่เรอะ)

Sleight of hand หมายถึงความว่องไวของการใช้มือ ใช้กับพวกนักมายากลหรือพวกเจ้ามือไพ่ครับ

Punk นอกจากจะหมายถึงสไตล์การแต่งตัวของชาวร็อคกลุ่มหนึ่งแล้ว ยังเป็นแสลงที่หมายถึง เด็กชายหรือหนุ่มที่ไม่มีประสบการณ์ ซึ่งก็หมายถึงพวกไก่อ่อนนั่นเอง

Loki : ...ฉันไม่รู้นายหมายถึงอะไรนะ


Mephisto : โอ้ เจ้าไม่อยากให้ซิเกิร์ดรู้? ถ้างั้นเรามาคุยเสียงเบาลงดีมั้ย “โลกิน้อย” ผู้สร้างมงกุฏความกลัวอันทรงอำนาจจากความคิดและความฝันของเขาเอง ที่ข้าขโมยมา และมันก็ปลาสนาการไปจากบนหัวของข้าแล้ว เหมือนที่ตัวเขาก็หายไปแล้วเช่นกัน แม้ว่าร่างกายจะยังอยู่ตรงนั้นก็ตาม

Mephisto : ทำได้ดีนะ เพื่อนยาก

Loki (ในความคิด) : ข้าคือความผิดที่จะไม่ได้รับการอภัย!

Loki : โกหก ตามข้อตกลงในสัญญา ฉันขอสั่งให้นายกลับไปยังที่ๆจากมา
Mephisto : ตามแต่เจ้าจะบัญชาเลย สหายเก่า

Sigurd : งั้นเดี๋ยว--
Loki : --ส่วนซิเกิร์ดนั้นก็จะถูกเนรเทศจากที่นี่เช่นกัน… ไปยังดินแดนแอสการ์ดไกลโพ้น

ซิเกิร์ดที่ยังพูดไม่ทันจบประโยค ก็ไปปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าพระแม่ทั้งมวลทั้งสามแทน!

Sigurd : --ก่อนสิ
Sigurd : เอ่อ สวัสดี ท่านหญิง
Freyja : ซิเกิร์ด ผู้รุ่งโรจน์ ยินดีต้อนรับเจ้ากลับบ้าน


Freyja : เจ้าจะต้องดีใจแน่ที่รู้ว่าเราเตรียมที่ไว้ให้เจ้า
Idunn : ข้าไม่ชอบสิ่งนี้เลย ทำกับผู้กล้าเก่าแก่ราวกับพวกเด็กเกเร
Gaea : ข้าเห็นด้วย นี่คือวิธีที่ดีที่สุดแล้วหรือเฟรย่า?
Freyja : นี่คือวิธีที่เราจะจัดการ... สำหรับตอนนี้ จนกว่าอนาคตของแอสการ์ดจะเป็นที่รับรอง

หลังจากนั้น…

Loki : ผมจะไม่พูดว่ารู้สึกผิดหรอกนะ เพราะผมไม่ได้คิดอย่างนั้น แต่คืนนี้ผู้กล้าที่เก่าแก่ที่สุดของแอสการ์ดต้องถูกล่ามตรวนในคุกใต้ดินเพราะผม ความผิดอย่างเดียวของเขาหรือตระเวนเที่ยวไปทั่วมิดการ์ด พูดอีกอย่างคือ วันนี้เขารับกรรม แต่วันหนึ่งมันจะต้องเป็นหนึ่งในพวกเราแทน เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้ ผมจะเข้าไปในส่วนที่ลึกและมืดมิดที่สุดในคุกของแอสการ์ด--และเปิดมันซะ

Loki : เข้าใจผมใช่มั้ย นี่ไม่ใช่การปล้นหรือเรื่องเล่นสนุกนะ นี่คือภารกิจ และถ้าคุณเลือกจะรับมัน…


Loki : ...คุณก็คือพวกเดียวกับผม (You're My Agents.)

(เวอริตี้ วิลลิส : มนุษย์จับโกหก / ลอเรไล : นักต้มตุ๋น ผู้หลอกหลวง และหัวขโมย / ธอร์ : เทพเจ้าสายฟ้า)


Loki : ทีนี้ใครจะร่วมกับผมบ้าง?

(ตอนต่อไป : อย่าเอาดาบไปดวลกับโลกิ)


จบเล่ม 4

***อ่านจบแล้วก็คอมเมนท์กันหน่อยสิเธอว์***

------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกันท้ายเล่ม 
         เล่มนี้ก็เป็นการปูทางไปสู่การบุกเข้าไปยังคุกใต้ดินของแอสการ์ดในเล่มต่อไป ตามที่โลกิได้พูดไว้ ซึ่งดูเหมือนนี่จะเป็นเหตุการณ์ที่ในเล่มก่อนๆได้ตั้งต้นมา ในภารกิจนี้ก็ไม่ใช่เพียงแต่เขาคนเดียวซะด้วย แต่ยังมีเวอริตี้ ลอเรไล แถมยังธอร์เทพเจ้าสายฟ้า งานนี้จะเจออะไรบ้าง แอสการ์ดคราวนี้จะวุ่นวายขนาดไหน แล้วผลจะออกมาเป็นอย่างไร โลกิเองมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงอะไรอยู่? คงต้องรอดูกันในเล่มต่อไป

        เล่มนี้ถือว่าเป็นงานสปอยล์ชิ้นแรกของผู้แปลคนใหม่นะ ก็ขอแนะนำตัวเลยแล้วกัน ^ ^ ใช้นามแฝงในบล็อกนี้ว่า Red Hood's Outlaw นะคะ ตามชื่อแล้วคงพอจะเดาได้ว่า ผู้แปลเป็นแฟนค่าย DC มากกว่า Marvel รวมไปถึงเป็นแฟนแบทแฟมิลี่เป็นพิเศษด้วย 55555 เพราะงั้นงานชิ้นต่อๆไปเราก็จะขอเลือก series ของทางฝั่ง DC มาแปลให้อ่านกันบ้างนะคะ

        **ผู้แปลเองไม่ได้ถนัดเกี่ยวกับตำนานเทพนอร์ส ซึ่งเป็นพื้นฐานเนื้อเรื่องของโลกิมากนัก เพราะฉะนั้นหากมีจุดไหนที่ผิดพลาด หรือชื่อตัวละครที่ไม่ได้ออกเสียงอย่างที่แปล ติชมกันเข้ามาได้ตามสะดวกนะคะ**

- Red Hood's Outlaw -

6 ความคิดเห็น: