29 มิถุนายน 2557

Constantine #2 (2013)

การตามหาชิ้นส่วนของเข็มทิศครอยดอนยังไม่สิ้นสุด โคลด์เฟลมยังคงตามล่าเขาอยู่
ส่วนจอห์นก็ยังคงต้องแบกรับความผิดที่เขาได้ทำไว้ในนอร์เวย์
เขาจะต้องเผชิญหน้ากับใครบ้างในการมาเยือนประเทศเมียนม่าร์ครั้งนี้!


Constantine #2 (2013)
The Blind Man
เรื่องโดย : Ray Fawkes and Jeff Lemire
| ภาพโดย : Renato Guedes and Juan Jose Ryp
วางจำหน่าย : 10 เมษายน 2013
สำนักพิมพ์ : DC Comics
ผู้สปอยล์ : Red Hood's Outlaw


Dead In The Streets...
At The Hands of The Spectre!
"ความตายบนถนน ด้วยน้ำมือเดอะสเปกเตอร์!"


ณ สนามบิน เนียง ยู ประเทศเมียนมาร์ (Nyaung U Airport, Myanmar)

เฮียจอห์นเดินลงเครื่องบินมาพร้อมกระเป๋าหนึ่งใบ ทำหน้าคมเข้มตามเคย

John : (นี่ล่ะคือสิ่งน่าขันเกี่ยวกับเวทย์มนตร์)

(มันไม่สำคัญว่าคุณจะเข้าใจถึงราคาของมันรึเปล่า มันไม่สำคัญว่าคุณจะถูกมันแผดเผาครั้งแล้วครั้งเล่า หรือว่าทุกอย่างที่คุณรักและให้คุณค่าถูกสละไป ทีละเศษเสี้ยว)

(มันรู้สึกอัศจรรย์ จินตนาการถึงความเร้าใจนั้นสิ คุณเป็นไอ้เฉลียวฉลาดผู้ที่ได้เอาชนะตัวจักรวาลเอง ความรู้สึกผิดและการนึกเสียใจทั้งหมดในโลกก็ไม่อาจเทียบชั้นได้)

(คุณเพียงแค่ไม่อาจยอมทิ้งมันไปได้)

John : แท็กซี่คันนึง
โชเฟอร์ 1 : ทางนี้เลยเพ่
โชเฟอร์ 2 : แท็กซี่ถูกสุดๆ
โชเฟอร์ 3 : เรียกแท็กซี่เหรอคุณ

ดูเหมือนว่าจอห์นจะเลือกตาเสื้อเขียวคนสุดท้าย

John : สูบบุหรี่บนรถนะ
โชเฟอร์ : เชิญเลยคุณ ตามสะดวก! เปิดหน้าต่างไว้ก็พอ

John : (และเมื่อคุณได้สูญเสียทุกคนที่คุณรัก และทุกอย่างที่มีค่าต่อคุณน่ะหรือ? เมื่อคุณกลับกลายเป็นขื่นขมและบิดเบี้ยว เน่าเฟะจากความเจ็บปวดและอัปยศ? คุณรู้มั้ยว่าจะเกิดอะไรขึ้น?)

(คลิ๊กที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่)


John : (นั่นคือตอนที่คุณเริ่มจะมีอำนาจอย่างแท้จริง)

โชเฟอร์ : คุณเป็นนักท่องเที่ยวรึ? ของดีมีให้ชมเยอะ
John : ไม่ใช่ เพื่อน ฉันมาธุระ

John : (สองวันก่อนผมได้ค้นพบที่ตั้งของสิ่งประดิษฐ์ที่โดดเด่นและทรงอำนาจในทางชั่วร้ายที่เรียกว่า เข็มทิศครอยดอน (Croydon's Compass)  เครื่องมือเสาะหาซึ่งมีศักยภาพในทางปีศาจที่ไม่มีใครที่รู้ว่ามันคืออะไรควรจะได้แตะต้องมัน)

(มันถูกแบ่งแยกออกเป็นสามส่วน ส่วนแรก เข็มของเข็มทิศ ถูกซุกซ่อนอยู่ในนอร์เวย์ (Norway) ผมฉกมันมาจากใต้จมูกของแม่มดฆาตกรผู้เรียกตนเองว่า ซาร์กอน จอมเวทย์ (Sargon The Sorceress)

(ผมเพียงแค่ต้องสูญเสียหนึ่งในไม่กี่คนสุดท้ายที่เชื่อใจผมไปในระหว่างนั้นก็เท่านั้น เด็กน่าสงสาร เคราะห์ร้ายที่ชื่อว่า คริส (Chris))

(และตอนนี้ผมก็อยู่ที่นี่ ในดินแดนร้อนเดือดเลือดไหม้แห่งเมียนมาร์เพื่อมาเอาชิ้นส่วนที่สอง คือหน้าปัด และผมก็สงสัยว่าใครกันที่ผมต้องรับมือที่นี่)

การจราจรบนถนนเมียนมาร์วุ่นวายไม่แพ้กรุงเทพมหานครเลยทีเดียว แท็กซี่ของเฮียจอห์นขับแหวกทั้งจักรยาน รถสามล้อ ฯลฯ

John : บ้าชิบ นั่นมันเฉียดนะ
โซเฟอร์ : ฮ่า ฮ่า คนขับรถที่นี่เก่งมาก ผมชื่อเทน (Thein) นะ อยากเรียกแท็กซี่เมื่อไหร่ก็โทรมาเลย

โชเฟอร์แกมีนามบัตรซะด้วย จอห์นรับมาแล้วมองอย่างพิจารณา

John : ชื่อเทนเรอะ
โชเฟอร์ : ถูกต้องนะคร้าบ
John : เออดี

John : (และผมก็สงสัยว่าอะไรที่ผมจะต้องสละอีกเพื่อชิ้นส่วนนี้)

รถคันข้างๆดูแล้วจะไม่ธรรมดา ชายโพกหัวพกปืนกันมาเพียบ ทันใดนั้นจอห์นที่เปิดกระจกหน้าต่างไว้ก็ถูกกระแทกเข้ากับด้ามปืน บุหรี่กระเด็น


[ชีวิตเกือบจะถูกทำลายโดยความล่อใจของเวทย์มนตร์ในวัยเยาว์ จอห์น คอนสแตนติน (John Constantine) รู้ถึงสิ่งที่ต้องแลกกับผลกระทบอันชั่วช้าของเวทย์มนตร์ดีจนเกินไปด้วยซ้ำ เขาใช้ชีวิตต่อสู้เพื่อคงสมดุลและป้องกันไม่ให้ใครกลายเป็นผู้ครองอำนาจมากเกินไป ดีซี คอมิคส์ (DC Comics) เสนอ คอนสแตนติน (Constantine) ในตอน ชายตาบอด (The Blind Man)]

John : (แน่ล่ะผมจะไม่แค่ตายระหว่างพยายาม)

จอห์นสลบอยู่บนท้ายกระบะของพวกทหาร (?) คนนึงแอบหยิบบุหรี่ออกจากกระเป๋าเสื้อจอห์น


John : โอย...

เฮียจอห์นฟื้นขึ้นมาแบบงงๆ รอบตัวเป็นป่าเขียวขจีไปหมด

John : เยี่ยมว่ะ จะมอมเหล้ากันก่อนไม่ได้รึไง

พวกแก๊งโพกหัวเอาปลายปืนจ่อหน้าจอห์น ทำเอาพี่แกแบะมือยอมแพ้ 

John : โอเค โอเค พูดภาษาอังกฤษกันมั้ย ในนี้มีใครพูดอังกฤษได้มั้ย? ไม่มีเรอะ? โธ่ บุหรี่ฉัน เอาล่ะ ฉันเดาว่าในที่นี้คงไม่มีใครอยากบอกฉันสินะว่าเรากำลังไปไหนกัน แต่เห็นว่าแกยังไม่ได้ยิงฉัน ฉันก็ขอเดาด้วยว่าใครบางคนอยากได้ฉันแบบเป็นๆ หรือว่าบางทีอาจอยากเล่นสนุกกันก่อน? หยุดฉันล่ะถ้าแกเคยเห็นลูกเล่นนี้แล้ว ไม่มีอะไรอยู่ใต้แขนเสื้อ 

จอห์นหยิบลูกกระสุนปืนออกมา ทำเอาอีกฝ่ายหน้าเหวอ

John : ไหนดูซิมีใครเดาได้บ้างว่ามาจากปืนของใคร หรือเดี๋ยวก่อน ให้ฉันเดาดีกว่าว่าเราจะไปไหนกัน


John : (และถ้าฉันเดาถูก แกต้องคืนบุหรี่มา)

รถกระบะเก่าๆพาจอห์นและแก๊งชาวป่าลุยทางเข้ามาจนถึงกระท่อม (เพิง) หลังหนึ่ง มีชายคนนึงเฝ้าอยู่พร้อมปืนซะด้วย พวกบนรถหัวเราะกันเฮฮา ส่วนจอห์นได้บุหรี่คืนชิลๆ

John : ไม่มีปัญหาลุง ผมปลดอาวุธตัวเองให้พวกทหารกล้าเหล่านี้หมดแล้ว แล้วก็ของพวกเขาเองด้วยน่ะนะ
ลุงทหาร : หุบปาก แกตุกติก ฉันจะยิงเข่าหลุด เอ้าเดิน

ลุงแกจับมือจอห์นไพล่หลังแล้วดันหลังไปทางกระท่อม สุดท้ายมานั่งที่เก้าอี้แล้วมัดมือไว้

เสียงผู้ชาย : จอห์น คอนสแตนติน


เบื้องหน้าจอห์นปรากฏเป็นชายชุดขาว (แต่ตัวดำ) แทนที่ลุงคนเดิม เขามีพลังเวทย์มนตร์บางอย่างออกมาจากมือและแขน มีคฑาอยู่ใกล้มือ และดูเหมือนเขารู้จักจอห์นเป็นอย่างดี

ชายชุดขาว : เรามาหลีกเลี่ยงการเสียเวลาทั้งของแกและข้าดีมั้ย? เอาเข็มมาให้ข้า แล้วข้าจะละเว้นความทรมานอันพิลึกพิสดารให้ ขืนเก็บมันไว้ แล้วข้าก็จะเริ่มต้น... ดื่มด่ำกับการทรมาน

John : (บุรุษชาวใต้* คนนี้อาจเป็นหนึ่งในพ่อมดที่อำมหิตและเสียสติที่สุดในโลกปัจจุบันก็ว่าได้ หนึ่งในสี่ผู้ก่อตั้งขององค์กรที่เรียกตัวเองว่า ลัทธิแห่งโคลด์เฟลม (The Cult of The Cold Flame) ส่วนเขาน่ะชื่อว่า มิสเตอร์อี (Mister E))

หมายเหตุ : มิสเตอร์อีพูดภาษาอังกฤษสำเนียงคนจากทางใต้

John : (ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นผู้กล้า ทฤษฎีที่นิยมกันคือเขาเป็นบ้าไปอย่างน่าหวาดกลัวหลังจากคาถาที่เขาร่ายหลอมเหลวดวงตาสองข้างของเขาจากภายในเบ้า ผมคงต้องค้าน เขามุ่งหน้าสู่หนทางมืดนานก่อนหน้านั้นแล้ว และเขาอาจตาบอดในตอนนี้ แต่ได้รับพลังมหาศาลแลกมากับการมองเห็นทั่วไป)

John : ฉันจะบอกไรให้นะอี แกปล่อยมัดมือฉันซะแล้วฉันจะแสดงให้เห็น จะชี้ให้ดูเลย


มิสเตอร์อีถีบจอห์นหงายหลัง

Mister E : นั่นถือเป็นการสบประมาทถึงความอ่อนแอของข้า

เขาเอาคฑาชี้ไปที่หน้าจอห์น บางอย่างที่เป็นแสงสีแดงออกมาจากหูทำให้จอห์นร้องอย่างเจ็บปวด

Mister E : แกรู้มั้ยว่านี่คืออะไร คอนสแตนติน? มันคือด้ายเงินที่เชื่อมต่อร่างกายที่กำลังเสื่อมของแกกับสิ่งโสโครกยุ่งเหยิงที่แกเรียกว่าวิญญาณไงล่ะ แค่ข้าดึงออกมามากกว่านี้นิดเดียว มันจะขาดเป็นอิสระ แล้วแกก็จะสิ้นใจ แต่ถ้าข้าไม่ทำถึงขั้นนั้น ถ้าข้าแค่ดึงมันออกมาอย่างช้าๆแบบนี้ มันจะเจ็บยิ่งกว่าอะไรที่แกจะได้เผชิญเลยล่ะ ข้าพูดถูกมั้ย?
John : อ๊ากกกก


John : มัน... มันอยู่ในบุหรี่! ในซองที่อยู่ใน---อยู่ในกระเป๋าเสื้อฉัน!
Mister E : ถ้าแกว่างั้น ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะเผยออกมา แกไม่ใช่เพียงคนโง่ คอนสแตนติน ลึกๆลงไปนั้นแกยังเป็นไอ้ขี้ขลาดอีกด้วย ข้าเคยบอกเจ้าไว้เมื่อนานมาแล้ว ไอ้หนู ข้าอาจตาบอด แต่ข้าอ่านเศษเสี้ยวของความอ่อนแอและความล้มเหลวและบาปได้ทั่วจากวิญญาณเคราะห์ร้ายของแก

มิสเตอร์อีหยิบเข็มออกมาจากบุหรี่มวนหนึ่งจากกระเป๋าเสื้อจอห์น ส่วนจอห์นนั่งหงายหลังโดนมัดมืออยู่บนเก้าอี้

John : ใช่แล้ว แกเคยบอกฉันอย่างนั้น ให้ฉันบอกอะไรหน่อยมั้ยล่ะ?


ในสายตา (บอด) ของมิสเตอร์อี เห็นคอนสแตนตินเป็นแสงสีต่างๆตามความรู้สึกอีกฝ่าย

Mister E : ข้าเห็นแกอยู่ คอนสแตนติน ความกลัว ความรู้สึกผิด การนึกย้อนเสียใจ แกได้สละชีวิตคนบริสุทธิ์ไปเมื่อเร็วๆนี้หรือ? แกเป็นต้นเหตุของความตายนั่นหรือ?
John : หุบปากซักแป๊ปได้มะ ฉันอยากเล่าเรื่องนี้ใจจะขาดตั้งแต่ฉันได้ฟังมาแล้ว ชายสองคนเดินเข้าไปในบาร์
Mister E : เรื่องตลกเหรอ นี่แกไม่มีความเคารพในตัวเองเลยรึยังไง
John : ชายตาบอดก็พูดว่า "เฮ้ บาร์เทนเดอร์ ผมขอวิสกี้ที่ดีสุดในร้านช็อตนึง และขออีกแก้วให้เพื่อนผมคนนี้ด้วย" แล้วบาร์เทนเดอร์ก็ถามขึ้นว่า "ไหนล่ะเพื่อนนาย?"
Mister E : ใช่ แล้วไง?

เห็นทีมิสเตอร์อีไม่ได้คำตอบของเรื่องโจ๊กนี้ซะแล้ว ในเมื่อเขานั่นแหละคือเรื่องโจ๊ก พี่จอห์นหายวับไปไร้ร่องรอย


และที่ๆเฮียจอห์นเราแว๊บมานั่นก็คือวิหาร/โบราณสถานทางศาสนาแห่งหนึ่ง เขาเดินบนขอบเจดีย์และค่อยๆปีนขึ้นไปบนยอด

John : (บางทีคงทำได้แค่นั้น บางทีผมยอมสละเข็มเพื่อให้ได้หน้าปัดมาแทน ถึงยังไง เข็มทิศก็ไร้ประโยชน์อยู่ดีหากมีไม่ครบสามชิ้น อย่างน้อยนั่นก็เป็นสิ่งที่ผมบอกตัวเองเพื่อให้เคลื่อนต่อไปแทนที่จะขดตัวลงนอนและงีบหลับให้สบายซะ)

เสียงแปลกหน้า : เฮ้ เฮ้คุณ


จอห์นมองแหงนไปด้านบน บุคคลที่เห็นคือคนแปลกหน้าใส่สูทเขียว ผมสีออกส้มๆ หน้าแอบเหมือนเฮียจอห์น

คนแปลกหน้า : นายคือจอห์น คอนสแตนตินรึเปล่า?
John : ฟังนะ ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว โอเค้? พวกมันเอากระเป๋าสตางค์ไป พวกมันเอาบุหรี่ไป พวกมันเอาเข็มไป นายจะเป็นใครก็ช่าง ไปไหนก็ไปเหอะ
คนแปลกหน้า : อย่าไปไหน อย่าพยายามจะหนีล่ะ ฉันรู้แค่ว่าฉันมาเพื่อส่งข้อความให้นาย
John : นายไม่ได้มีบรรยากาศแสนอบอุ่นให้ฉันเชื่อใจเลยว่ะ เพื่อน

อีกฝ่ายส่งเสียงหัวเราะยาวๆแบบประหลาดๆ จอห์นเหล่มองอย่างไม่ไว้ใจ


ทันใดนั้นจากร่างชายหนุ่มสุดเนี้ยบ ก็ปรากฏออกมาเป็นผู้ชายท่าทางน่าเกรงขาม ตาส่องแสงได้ มาพร้อมผ้าคลุมสีเขียว ด้านหลังเขาเป็นแสงสีแดงไปหมด แถมควันขโมงเป็นเอฟเฟกต์ เขาก็คือ...

ชายผ้าคลุมเขียว : จอห์น คอนสแตนติน เจ้าถูกทำเครื่องหมายไว้ในฐานะเป้าหมายอันถูกต้องของการล้างแค้นอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีนามว่า.... เดอะสเปกเตอร์


John : (บ้าชิบ ผมเคยได้ยินมาถึงสิ่งนี้ ใครๆก็เคยได้ยินทั้งนั้น ดวงวิญญาณรักการฆ่า เสียสติที่เรียกตัวเองว่า เดอะสเปกเตอร์ ไม่มีใครจะหนีจากมันได้ ฟังเรื่องราวของมันเป็นเรื่องนึง แต่เจอกันตัวต่อตัว... มันโคตรจะน่าสะพรึง ผมถึงกับสั่นท่ามกลางความร้อนระอุ ผมต้องต่อสู้กับแรงกระตุ้นที่ทำให้ทรุดลงไปกองบนเข่า)

John : เดี๋ยว! เดี๋ยว ฟังผมก่อน!

ภาพที่ปรากฏบนควันสีเขียวของเดอะสเปกเตอร์คือใบหน้าของทุกๆคนที่จอห์นเคยทำให้รับเคราะห์ และบนนั้นก็มีใบหน้าของคริสอยู่ด้วย

The Spectre : จงฟังข้า คอนสแตนติน และจงมอง มองให้ดียังความทุกข์ทรมานทั้งหมดที่เจ้าได้ก่อ จงมองการเสียสละที่เจ้าทำไป เจ้าลอยนวลมานานเกินรับได้! ผู้บริสุทธิ์และผู้อุทิศเพื่อส่วนรวม ถูกห้ำหั่นในภารกิจแสวงหาอันสิ้นคิดของเจ้าต่อเหล่าจอมเวทย์บนโลกใบนี้ ในขณะที่ผู้อื่นจ่ายด้วยชีวิตและแขนขาของพวกเขาเอง เจ้าเหวี่ยงผู้คนที่เป็นมิตรสหายลงไปยังเตาไฟแห่งสงคราม คริสเคยเป็นสหายอันมีค่าของมนุษย์เจ้าของร่างสถิตย์ข้า เขามาหาเจ้าเพื่อการบรรเทา แต่เจ้าทิ้งให้เขาตาย

จอห์นก้มหน้าเครียด

The Spectre : เจ้ากล้าปฏิเสธหรือไม่ว่าเจ้าไม่สาสมกับการลงโทษอันเย็นเยือกจากโทสะของข้า? เจ้ากำลังยืนอยู่ ณ ธรณีประตูแห่งความตาย ในช่วงเวลาแห่งการพิพากษาสุดท้าย เป็นไปได้หรือไม่ที่เจ้าจะสามารถแสดงความบริสุทธิ์ของวิธีที่เจ้าบรรลุไปเพื่อผลลัพธ์นั้นได้?


John : (หลายวินาทีที่ไม่อาจทานทนได้ผ่านไป ผมนั่งตรงนั้น อ้าปากค้างเหมือนไอ้โง่ จนกระทั่งผมตระหนักได้อย่างชัดเจนถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ เขากำลังโกรธผม เขาคาดหวังคำตอบ เขากำลังตัดสินผมอยู่)

John : ผมสาสมกับมันแล้ว ผมรู้ดี

เดอะสเปกเตอร์ทำท่าเหมือนกำลังจะฆ่าจอห์นซะด้วยพลังในมือ แต่จอห์นร้องขัดขึ้นมาเสียก่อน

John : แต่เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน! ผู้คนที่ผมต่อสู้ด้วย สงครามที่คุณพูด พวกเขากำลังประกอบมันเข้าด้วยกันทีละส่วนใช่มั้ย? หลังจากหลายศตวรรษของความลับที่ถูกเปิดเผยออกมาและกฏเกณฑ์ที่ถูกเขียนใหม่ ในที่สุดพวกเขาก็อยู่บนเส้นทางไปยังอำนาจขั้นสุด พวกคนที่ควบคุมเดอะโคลด์เฟลม (The Cold Flame) อยู่ ถ้าให้โอกาสพวกมัน สุดท้ายแล้วพวกมันจะเอาคนอื่นมาแทนคนที่เขียนกฏให้คุณ พวกมันจะเข้ามาควบคุมแทน (stepping into his shoes)

step into someone's shoes หมายถึงเข้าควบคุมงานที่ไม่ใช่ของตัวเอง หรือเอางานของคนอื่นไปทำแทน

John : และผมเป็นไอ้บ้าคนเดียวที่ยอมต่อสู้ศึกนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องนั้นเกิดขึ้นไม่ใช่หรือ? ผมเป็นคนที่ทำการเสียสละพวกนั้นและจัดการกับหนี้พวกนั้น ผมเอง ถ้าหากไม่ใช่ผมแล้วใครจะทำมันล่ะ? คุณรู้ว่าผมเผชิญอยู่กับใคร ผมจะให้ชื่อและที่อยู่ก็ได้หากคุณต้องการ แต่ถ้าคุณฆ่าผมซะตรงนี้ คุณก็ควรจะเตรียมตัวให้พร้อมที่จะจบงานแทนผม มันน่าจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณนี่ เดาว่าแม้แต่พวกพ่อมดที่ทรงพลังที่สุดเองก็ยังคิดไม่ออกว่าจะลบล้างคุณยังไง


เดอะสเปกเตอร์จ้องมองจอห์นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะชึ้หน้าแล้วกล่าว

The Spectre :  เจ้าพูดความจริง เช่นนั้นจงสู้สงครามของเจ้าซะ คอนสแตนติน แพ้หรือชนะ ข้าก็จะอยู่ตรงนั้นเพื่อเก็บเจ้าในช่วงเวลาแห่งความตาย เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าได้จ่ายราคาแพงสำหรับอะไรที่เจ้าแย่งไปอย่างไม่รู้สึกรู้สา

John : (แล้วเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย และขาของผมก็หมดแรงในที่สุด ใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีกว่าผมจะจำได้อีกครั้งว่าต้องยืนยังไง และใช้อีกสี่สิบนาทีกว่าผมจะเริ่มลุกจริงๆ โดยที่รู้ว่ามิสเตอร์อีกับคนของมันคงกำลังอยู่ระหว่างทางแล้วในตอนนี้ ถ้าหากมันไม่ได้กำลังมาอยู่แล้วน่ะนะ ผมรู้ว่าผมต้องทำงานต่อได้แล้ว)


จอห์นเดินเข้าไปภายในวิหาร และสิ่งที่เขาเห็นก็ทำให้เขารำพึงกับตัวเอง

John : บ้าจริง สิ่งสุดท้ายที่ฉันต้องการ

เบื้องหน้าจอห์นก็คือพระพุทธรูปขนาดใหญ่สององค์ พร้อมแท่นบูชาที่เต็มไปด้วยเทียนสว่างไสว

John : อย่าสนใจผมเลย พวกท่าน แค่มาที่นี่เพื่อดูหมิ่นศาสนาโดยมีข้อแก้ตัวที่ดีเท่านั้นล่ะ


John : ไม่มีปัญหา แค่หน้าปัดซ่อนอยู่ ง่ายเหมือนปอกกล้วย

จอห์นก้มมองถาดที่ใส่เทียน ก่อนที่เขาจะเหยียบมันจนแตก ด้านในเป็นหน้าปัดเข็มทิศขนาดใหญ่ อย่างที่เขาคาดไว้

John : (เอาล่ะ ควรไปได้แล้ว ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง ผมจะต้องมอดไหม้แน่ๆ แต่ตอนนี้ผมยังมีชีวิต และผมก็กระหายน้ำ และผมมีหน้าปัดเข็มทิศครอยดอนอยู่ในมือ ตอนนี้ผมรู้สึกเหลือเชื่อ)


บนเครื่องบินไปยังประเทศอังกฤษ จอห์นนั่งจิบกาแฟอย่างสบายอารมณ์ นึกถึงสิ่งต่อไปที่เขาต้องเผชิญ

John : (ทุกสิ่งที่ผมรู้บอกผมว่าเดินออกไปจากเรื่องนี้และมุ่งหน้ากลับนิวยอร์คเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่จะทำในตอนนี้ เมื่อปราศจากหน้าปัด เข็มทิศก็ไร้ค่า สิ่งที่ผมต้องทำก็เพียงแค่ซ่อนมันเอาไว้ในห้องใต้ดิน* กับสิ่งของเจ้าปัญหาอื่นๆ และผมจะได้ล้างมือออกจากเรื่องวุ่นๆทั้งหมดนี่)

หมายเหตุ : ตรงนี้ผู้สปอยล์ไม่แน่ใจว่าเฮียจอห์นแกหมายถึงตู้นิรภัยหรือห้องใต้ดินนะคะ เพราะคำว่า Vault นั้นแปลได้ทั้งสองอย่างนี้ แต่จากที่เห็นเฮียแกมีห้องใต้ดินก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นอันนี้มากกว่า

John : (มันเจอผมในนอร์เวย์ มันเจอผมในเมียนมาร์ พวกมันจะต้องพร้อมรอรับผมอยู่ที่ลอนดอน ถ้าผมไปที่นั่น แน่นอนมันจะมา และมันดันต้องเป็นลอนดอนซะด้วย ถิ่นเก่าของผม ที่ซึ่งผมเริ่มต้นงานเหล่านี้ และที่ซึ่งทุกๆคำดูถูก ศัตรูทุกๆคน และความผิดพลาดเวทย์มนตร์ทุกๆอย่างที่ผมทำไว้ กำลังรอที่จะชดใช้ผมอยู่)

old stomping ground หมายถึงที่ๆคนๆนึงเคยไปวนเวียนอยู่บ่อยๆ หรือจะเรียกว่าย่านที่เคยอยู่ก็ได้

cut someone's teeth หมายถึงการฝึกฝนเพื่อเริ่มต้นหรือเพิ่งมีประสบการณ์ในเรื่องอะไรบางอย่าง

John :(แต่ถ้าหากผมจะไปที่นั่น ถ้าหากผมจะเดินตรงเข้าไปยังที่ๆเลวร้ายที่สุดบนโลกนี้สำหรับผม และเอาเลนส์เข็มทิศมาจากซาร์กอน จากมิสเตอร์อี จากทั้งหมดของพวกมัน โดยไร้ซึ่งเหตุผลใดๆนอกเสียจากเพื่อแสดงให้พวกมันเห็นว่าผมทำได้แล้วล่ะก็ จินตนาการถึงสีหน้าของพวกมันดูสิ)

(ผมขอถามคุณ....)


John : (ผมจะต้านทานเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกัน?)

อีกด้านหนึ่ง ที่ประเทศเมียนมาร์ ซาร์กอนเดินเข้ามาหามิสเตอร์อี และพวกเขาเริ่มคุยกันถึงของที่จอห์นได้ไป

Mister E : ข้ามีเข็ม
Sargon : ส่วนจอห์นหลุดรอดไปได้ด้วยลูกเล่นชั้นประถมของมัน ทีนี้หน้าปัดก็หายไป และคนของเราก็ไปถึงช้าไป
Mister E : "คนของเจ้า" ช้าไป ระวังวิธีที่เจ้าพูดกับผู้เหนือกว่าด้วย เด็กน้อย และระวังวิธีที่เจ้าพูดถึงเขา คอนสแตนตินเป็นสิ่งขัดขวางที่น่ารบกวน แต่เขาเองก็เป็นสองเท่าของจอมเวทย์ยิ่งกว่าที่เจ้าหวังจะเป็นได้ ซาร์กอน พ่อของเจ้า เคยเคารพคอนสแตนติน และตัวเจ้ายังไม่เคยพิสูจน์ตนเองว่าควรค่าแก่ชื่อหรืออำนาจของพ่อเจ้าเลย
Sargon : เจ้าจะได้เห็นแน่ เขาจะไปตามหาเลนส์ในลอนดอน และเราจะเตรียมตัวรออยู่ ที่นั่นเจ้าและข้าไปด้วยกัน จากนั้นเมื่อถึงตอนที่เราชี้ตำแหน่งของเลนส์ได้แล้ว เราจะได้เป็นเจ้าของมันและประกอบมันเข้าด้วยกัน ข้าไม่สนว่าเจ้าจะคิดว่าคอนสแตนตินเป็นจอมเวทย์ที่ยิ่งใหญ่กว่าข้าซักพันเท่า พ่อข้าแสดงหนทางลับที่จะปลดปล่อยความน่าสะพรึงกลัวอันน่าตะลึงลงยังเมืองยิ่งใหญ่นั่นให้ข้าเห็นแล้ว


อีกด้านหนึ่งในลอนดอน หนทางทำลายเมืองที่ซาร์กอนพูดถึงนั้นดูไม่จืดเลยทีเดียว

Sargon : ไม่มีอะไรที่จะรอดพ้นจากการต้อนรับที่ข้าจัดเตรียมไว้ได้ทั้งนั้น

(ตอนต่อไป : ลอนดอนอยากให้ผมตาย)


จบเล่ม 2.

***อ่านจบแล้วก็คอมเมนท์กันหน่อยสิเธอว์***

------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกันท้ายเล่ม เล่ม 2 นี้ก็ดูเหมือนจะเป็นการปูทางไปยังเล่มต่อไป ที่จะมีเหตุการณ์สำคัญรออยู่แล้ว คราวนี้คอนสแตนตินจะเจอกับจอมเวทย์ถึงสองคนในทีเดียว ครั้งแรกเขายังแทบไม่รอดจากซาร์กอน แล้วคราวนี้มาถึงสอง เข็มทิศจะไม่ตกไปอยู่ในมือของลัทธิแห่งโคลด์เฟลมหรือนี่ ชาวลอนดอนดูท่าทางจะได้สยองกลางเมืองกันแน่ๆ ยังไงก็ฝากติดตามเล่มต่อไป และอย่าลืมคอมเมนท์ด้วยจ้า

- Red Hood's Outlaw -
          

4 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุนครับ สู้ต่อไปจอห์น

    ตอบลบ
  2. Comic นี่น่าติดตามนะครับ ไม่เหฒือนใน ซี่รี่เลย อันนั้นได้เข็มทิศมาเลย นี่มาหาเป็นชิ้นส่วน

    ตอบลบ