5 มิถุนายน 2557

Red Hood and The Outlaws #0 (2012)

จุดเริ่มต้นที่แท้จริงของเจสัน ทอดด์ ก่อนจะเป็นโรบิน
ก่อนจะตายด้วยน้ำมือของโจ๊กเกอร์
และก่อนที่จะคืนชีพกลับมาในฐานะเร้ดฮู้ด พร้อมตอนพิเศษ
เปิดเผยแผนการของโจ๊กเกอร์ที่มีต่อโรบินคนที่สองที่แม้แต่แบทแมนก็ไม่รู้


Red Hood and The Outlaws #0 (2012)
เรื่องโดย : Scotte Lobdell
ภาพโดย : Kenneth Rocafort, Brett Booth,
Pasqual Ferry, Ig Guara and Blond
วางจำหน่าย : 19 กันยายน 2012
สำนักพิมพ์ : DC Comics
ผู้สปอยล์ : Red Hood's Outlaw

***หมายเหตุ : เล่มนี้ไม่ใช่เล่มแรกที่วางจำหน่ายนะคะ เล่มแรกคือ
Red Hood and The Outlaws #1 แต่เล่มนี้จะเป็นประวัติของ Jason Todd (Red Hood)
ผู้แปลเห็นว่าจะทำให้เข้าใจเนื้อเรื่อง (ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปในจักรวาล New 52) มากขึ้น
โดยเฉพาะสำหรับคนที่ไม่รู้จักตัวละครมาก่อน
ถ้าไม่อยากรู้ละเอียดจะข้ามก็ได้ค่ะ***

นี่คือแม่ในวันที่ผมลืมตาดูโลก

แม่ : อ๊ากกกก! ขอร้องล่ะ เอามันออกมาได้แล้ว!

ณ จุดนั้น แม่รู้สึกอยากจะได้บุหรี่ซักมวนจริงๆ

(ทุกคนต้องมีจุดเริ่มต้นจากที่ไหนซักแห่ง)

ส่วนนี่พ่อของผม อยู่ห่างออกไปตรงห้องโถง ลื่นไหลตลอดกับพวกสาวๆ

พ่อ : แค่พูดให้ฟังนะ หล่อนจะต้องนอนที่นี่อย่างต่ำก็วันนึง
นางพยาบาล : ตลกจังคุณนี่ เจอกัน 11.30 ลานจอดรถเจ้าหน้าที่

ส่วนนี่น่ะเหรอ? วันที่ผมตายไง
เป็นครั้งแรก
เดี๋ยวผมจะกลับมาพูดถึงตรงนี้ต่อ

(คลิ๊กที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่)


นี่คือเรื่องราวของชีวิตผม เจสัน ทอดด์ (Jason Todd)
เรื่องที่ว่ามันเริ่มต้นจากพ่อแม่ของผม
นี่คือที่ๆพวกเขาพบกัน
12 เดือนก่อนที่ผมจะเกิด ณ โรงเรียนรัฐบาลประจำเมืองก็อธแธม
โอเค อีกฝั่งถนน.... ที่ซึ่งแคทเธอรีน อลิซาเบ็ธ (Catherine Elizabeth) เดินออกนอกรั้วโรงเรียนไปกินข้าวเที่ยงทุกวัน โชคไม่ดีที่ในวันที่เรากำลังพูดถึงนี่ล่ะ...

เพื่อน : ก็รู้หรอกว่าหล่อนชอบผู้ชายห่วยๆ แต่นั่นสถิติใหม่เลยว่ะ
Catherine : อะไร? แค่มองไม่เสียหายย่ะ

....เธอได้พบกับไอ้ขี้แพ้ที่ชื่อ วิลลิส ทอดด์ (Willis Todd)

Willis : ฉันชอบสาวผมส้มมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วว่ะ
เพื่อน : เออ หล่อนฮอต

ผมควรรู้สึกเป็นพระคุณสินะที่พวกเขาทนออกห่างกันไม่ได้

Catherine : นี่มันบ้าชะมัด
Willis : บ้าในทางที่ดีน่ะสิ!

  

ฝ่ายพ่อน่ะไม่ได้น่าแปลกใจอะไร เขาไม่มีโอกาสอันดีอะไรจากครอบครัวแบบนั้นอยู่แล้ว
คืนหนึ่งหลังจากดื่มจนเมา (ตกใจล่ะสิ?) เขาคุยโวให้ผมฟังว่ารอดตัวจากการชนแล้วหนีได้โดยการ "วิ่งหนี" ขอบคุณที่อุตส่าห์เอามาอวดจริงๆพ่อ

แต่โชคยังดีที่เขาได้รับการยอมรับเข้าบ้านของแคทเธอรีนอย่างอบอุ่น

....และพวกเราก็อยู่กันอย่างมีความสุขตลอดชั่วนิรันดร์

ซะเมื่อไหร่กัน


น่าเอ็นดูว่ามั้ย? คุณจะแปลกใจมั้ยถ้าผมบอกว่านี่เป็นวันที่สุขสุดในชีวิตผมแล้ว
ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น มีหลังคาคุ้มหัว ปัจจัยสี่ครบ พูดคุยใส่ใจกันบนโต๊ะอาหารค่ำไม่เว้นวัน
พ่อ… ทำงานหนัก หน้าที่คอยดูแม่ตกมาอยู่ที่ผม
โรคซึมเศร้า การติดยา เธอจะแน่นิ่งเหมือนตายอยู่ครั้งละหลายๆวัน


ส่วนพ่อเองถึงจะไม่ใช่พ่อดีเด่น แต่เขาก็หาเวลาให้ผมได้เสมอ
เช่นทุกคืนเวลาผมต้องพยุงเขาขึ้นบันไดไปนอนบนเตียงเพราะเมาจนเดินไม่ได้
อย่างที่คนเป็นพ่อเขาทำกันนั่นแหละ เขาพาผมไปแนะนำให้รู้จักคนในพื้นที่
พ่อถึงขั้นให้ผมทำงานตรงมุมถนนที่เขากับแม่เจอกันครั้งแรก
ในมุมมองประสาทๆของเขา…? ผมว่าผมคงทำให้เขาภูมิใจ
...ชีวิตไม่มีโอกาสดีๆมากนัก เขาก็ดิ้นรนไปตามเรื่องตามราว ถึงขั้นเคยเจอ “เซเลบริตี้” บางคน

Willis : เชื่อมั้ยล่ะว่าโดนแบทอะแรงเข้าให้ (Batarang) เกือบจะคุ้มที่ต้องโดนจับอีกรอบเลยว่ะ
Catherine : ยิ้มหน่อย!
Jason : ประสาท

อะไรๆไม่ได้สนุกสนานตลอด ผมจำได้คืนที่เขาโดนยิงเข้าที่กลางหลัง ดีนะที่เขาเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง

หมอ : เกือบเอาออกมาได้แล้ว

โรงพยาบาลของจริงน่ะไม่เคยไปกับเขาหรอก


ถ้ายังจะเป็นไปได้น่ะนะ เรื่องมันยิ่งแย่ลงอีก

Catherine : อย่ามายุ่งกับสามีฉัน!
Willis : ข้าไม่ได้ทำไรเว้ย!
ตำรวจ : ให้ความร่วมมือหน่อยคุณผู้หญิง

ในแง่ดีน่ะเหรอ? ผมไม่เคยได้เจอเขาอีก เขาตายในคุก และผมกลายเป็นเสาหลักของบ้าน ซึ่งโดยส่วนมากหมายถึงกันไอ้พวกขายยาไม่ให้มาป้วนเปี้ยน
ผมจัดการปกป้องแม่จากทุกๆคนได้
...ยกเว้นตัวแม่เอง
ตอนที่ผมเจอเธอคืนนั้น เธอก็… ได้จากไปแล้ว


(ผมทำในสิ่งที่จำเป็น)

เรื่องส่วนมากผมไม่ภูมิใจนัก

ถ้าพูดแล้วจะมีค่าอยู่บ้าง ผมไม่เคยทำร้ายใครทั้งนั้น ด้านร่างกายน่ะนะ

แต่ถ้าให้บอกว่าคนอื่นไม่ทำร้ายคนอย่างผมคงเป็นการโกหก


ผมยังจำได้ตอนที่ตื่นมาอีกทีหนึ่งสัปดาห์ต่อมา มั่นใจมากว่าตัวเองอยู่ในคุกก็อธแธมหรืออะไรทำนองนั้น
ปรากฏว่ามันคือคลินิก และนั่นน่ะ ดร.เลสลีย์ ธอมกินส์ (Dr. Leslie Thompkins)
นิสัยดีอยู่หรอก ถึงจะปากมากไปหน่อยเรื่องทางเลือกในชีวิตกับโอกาสที่สองอะไรนั่น...
แต่ผมไม่เคยเจอใครดีแบบเธอมาก่อน

Dr. Leslie : ความโดดเดี่ยวเป็นแค่ความคิดของเธอเท่านั้นเจสัน แต่มันไม่จริงเลย ถ้าในใจเธอยังมีความรักอยู่ อะไรๆก็เป็นไปได้

ผมตอบแทนหล่อนยังไงน่ะเหรอ? ด้วยการขโมยของหล่อน พวกยาที่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์
ผมก็เกือบจะรอดตัวคราวนั้นด้วยเหมือนกัน…


นั่นแหละคือตอนที่ผมได้พบเขา

ไม่กล้าพูดอย่างแน่ใจว่าไม่ได้ฉี่รดกางเกง แต่บอกได้ว่าสิ่งที่ผมทำคือสิ่งที่ทำมาตลอดจนกระทั่งช่วงเวลานั้น

ผมเตะออกไปสุดแรง

เตะด้วยความกลัว ความโกรธ

แต่ไม่ทันจะถึงสามวินาทีเท่านั้นล่ะ

ไม่แน่ใจว่าด็อกเตอร์ใช้อะไรกล่อมแบทแมน จนวันนี้ก็ไม่เคยรู้ว่าเธอพูดอะไรกับเขา แต่เธอมุ่งมั่นเหลือเกินที่จะไม่ให้ผมถูกส่งตำรวจ


ดื้อๆแบบนั้นเลย

เจสัน ทอดด์ถูกฉกมาจากข้างถนนตรอกอาชญากรรม (Crime Alley)

ไปยังคฤหาสน์หรูของตระกูลเวย์น (Wayne Manor)

“ในฐานะเพื่อนของเพื่อน”

Alfred : แทบจะเก็บความกระตือรือร้นไว้ไม่อยู่เชียวครับ

ที่ซุกหัวนอนอาจจะเปลี่ยนไป แต่ตัวผมไม่ได้เปลี่ยน ผมใช้เวลาส่วนมากอยู่กับคุณพ่อบ้าน

Jason : ยอมรับเถอะอัลเฟร็ด ฉันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอก
Alfred : คุณมีคุณงามความดีในตัว เจสัน ไม่ว่าคุณจะพยายามซุกซ่อนมันมากแค่ไหน

จำได้แม่น คืนที่เขาพาผมมานั่งในห้อง

เขาบอกว่าผมสมควรจะได้รู้ความจริง เด็กชายกำพร้า…

อาชญากรเป็นพวกเกาะกลุ่มขี้ขลาดและมีพิรุธ… ชุดค้างคาว…

อ่า คงงั้นแหละ

Bruce : ฉันสามารถที่จะดึงความปวดร้าวและการสูญเสียนั้น และเปลี่ยนมันให้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวฉันเอง

ซึ่งฟังดูไม่ได้เชื่อมโยงหรือเกี่ยวข้องอะไรกับความเป็นจริงเลยด้วยซ้ำ….

อย่าว่าแต่สิ่งที่เขาจะสารภาพเลย


แต่ผมจะต้องชิบหายแน่ๆกับเรื่องนี้ มากกว่าครั้งเดียวด้วย

Jason : อัลเฟร็ด คุณเอ่อ… รู้มาตลอดหรือ?

Alfred : สิ่งที่คุณหนูบรูซพยายามจะบอกด้วยวิธีอันอ้อมค้อมของเขาก็คือ… เขายังคงมีตำแหน่งว่างในปฏิบัติการของเขา และเขาเชื่อใจให้คุณเป็นเด็กหนุ่มที่จะเติมเต็มที่ตรงนั้นได้ ผมเองก็เชื่อ

Jason : เชื่อใจ? คุณเนี่ยนะ? ผม… จะลองดูก็ได้ แต่เตือนไว้ก่อนเลยว่าผมจะทำมันล่มจมแหงๆ
Alfred : อย่างกับเราจะยอมให้คุณทำ
Bruce : ฉันไม่กังวลหรอก เจสัน


หกเดือนกับการฝึกฝนนรก

แล้วผมก็ได้ใช้ยามวิกาลในฐานะไซด์คิกของแบทแมน… โรบิน (Robin)

ใช่ ผมเป็นไอ้หนูคนที่สองที่ใส่ชุดนี้

แต่ผมตั้งใจที่จะตามรอยสิ่งดีที่เขาทิ้งไว้ ทำมันอย่างถูกต้อง

มันเป็นหน้าที่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก และผมก็ทำได้ดี

ในตอนแรกๆน่ะนะ

ไม่ว่าจะการชกหรือการเตะมันคล่องแคล่วเหมือนเป็นไปเองโดยอัติโนมัติ

เป็นเรื่องง่ายที่จะลืมว่านั่นคือกระดูกที่ผมกำลังทำให้หักอยู่ใต้กำปั้นของผม

ไม่ใช่ว่าผมพยายามจะฆ่าคนเหล่านั้นซักหน่อย

ผมเพียงแค่พยายามกระทืบให้มีความรู้สึก ให้ผมรู้สึกมีชีวิตขึ้นมาบ้าง

เหมือนกับที่ผมไม่สามารถมีพ่อคนใหม่ได้

จนกระทั่งพ่อคนเก่าของผมถูกกำจัดไป


ไม่นานนักก่อนที่ผมจะต้องทำหน้าที่บนจอแทน

ใครๆก็รู้ว่ามันห่างก้าวเดี๋ยวจากการถูก “ไล่ออก”

ผมควรจะทำเมินรูปภาพที่ขึ้นมาบนจอซะในคืนนั้น

หรือห้ามสิ่งที่จะเกิดด้วยการบอกแบทแมนซะตอนนั้นเลย

แต่นั่นคือแม่ของผม แคทเธอรีน เธอยังคงมีชีวิตอยู่


สามวันต่อมา เครื่องบินนำผมลงจอดในตะวันออกกลาง

ผมทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง ไม่แม้แต่จะเขียนโน้ตไว้

ผมจะยังต้องการครอบครัวปลอมๆไปทำไมอีกล่ะ?

ในฐานะโรบิน ผมใช้ทุกเทคนิคที่แบทแมนเคยสอนมาเพื่อตามรอยเธอ

ก่อนที่ผมจะทันรู้ตัวซะอีก เธอก็มาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว

...แต่ผมน่าจะรู้ก่อนว่ามันเป็นแผนที่ถูกวางเอาไว้

แค่วินาทีเดียวเท่านั้นทุกอย่างก็กลับกลายเป็นนรก


เขาพยายามแล้ว ด้วยทั้งหมดที่เขามี
พระเจ้ารู้ว่าผมไม่ได้ทำให้มันง่ายสำหรับเขา

Joker : ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า

ผมจำได้ถึงความโศกเศร้านั้น ที่ผมไม่มีโอกาสกล่าวคำลา หรือ “ขอบคุณ”
...หรือแม้แต่ “ผมขอโทษ”


ผมจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างความตายของผม
หรือหลังจากนั้น…
จำได้แค่ว่ามันเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในบางสิ่งที่เรียกว่า “บ่อลาซารัส (Lazarus Pit)”

(นั่นคือเรื่องราวของผม และผมจะยังอยู่เล่ามันต่อไป)


Joker : ฮู่ๆ ฮ่าๆ ถ้าคุณคิดว่าเรื่องราวนั่นเข้มข้นและตื่นเต้น (ฉันน่ะเหรอ!? ฉันว่ามันหดหู่ไปนิด!) งั้นคุณจะต้องเร้าใจไปกับเรื่องราวมหากาพย์อันคลาสสิค* ที่ฉันเลี่ยงไม่ได้ที่จะเรียกว่า “ชายผู้สร้างเร้ดฮู้ด! (ํRed Hood)”

*คลาสสิคเพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นนานก่อนที่โจ๊กเกอร์จะถูกเอาใบหน้าออกใน Detective #1

ลูกน้อง : สดใสหน่อย มิสเตอร์เจ เดี๋ยวเจ้านายก็คิดไรใหม่ๆได้เหมือนทุกทีแหละ

Joker : “อะไรใหม่ๆ”? นายมันอัจฉริยะจริงๆเลย สมิธเธอร์!
ลูกน้อง : เอ่อ...เจ้านาย ผมไม่ได้ชื่อสมิธเธอร์

Joker : มนุษย์ค้างคาวมันก็ต้องการเจ้านกน้อยเหมือนที่ฉันต้องการมุขแจ่มๆเด็ดๆแหละวะ ฉันจะทำให้เด็กนั่นเป็นดาวเด่น!
ลูกน้อง : จริงดิ บอสจะไปแคร์อะไรเด็กนั่น มันก็แค่ลูกไอ้วิลลิส…

Joker : อย่าพูดชื่อ! ฉันจะคิดเอง!


จบเล่ม 0.

***อ่านจบแล้วก็คอมเมนท์กันหน่อยสิเธอว์***

------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกันท้ายเล่ม
         จบไปแล้วนะกับเล่ม 0 ของสองหนุ่มหนึ่งสาว ถังแดง ดาวไฟ และปืนใหญ่ (ไม่ใช่มั้ง) ถึงแม้ว่าเล่มนี้เนื้อเรื่องจะยังเกี่ยวกับเร้ดฮู้ดหรือเจสัน อดีตโรบินเพียงคนเดียว แต่ใน issue #1 ที่จะทำสปอยล์เป็นเล่มต่อไปนั้นเราจะได้เห็นอิทธิฤทธิ์ขององค์หญิงโคริแอนเดอร์ (Koriand'r) กับลีลาอันคล่องแคล่วของรอย ฮาร์เปอร์ (Roy Harper) กันแล้ว ซึ่งสิ่งที่พวกเขาจะต้องเผชิญนั้นจะแตกต่างไปจากใครอื่นๆใน New 52 อย่างแน่นอน ส่วนในเล่มนี้ถ้ามีตรงไหนผิดพลาดหรือขาดตกไป ติชมได้ตามสะดวกค่ะ

- Red Hood's Outlaw -

1 ความคิดเห็น: