15 มีนาคม 2557

The Punisher #3 (2014)

สิ่งที่อิเล็คโตรและพวกดอส โซเรสกำลังจะทำคืออะไรกันแน่
เพื่อหาความจริงเรื่องนั้น พันนิชเชอร์จึงตัดสินใจบุกเดี่ยวเข้ารังของพวกมัน
แต่กลับพลาดท่า ถูกอิเล็คโตรลอบเล่นงานข้างหลัง!!?



The Punisher #3 (2014)
เรื่องโดย : Nathan Edmondson | ภาพโดย : Mitch Gerads
วางจำหน่าย : 5 มีนาคม 2014
สำนักพิมพ์ : Marvel Comics

ลอสแอนเจลิส
ถนนไฮเวย์เลียบมหาสมุทรแปซิฟิค

แม่ลูกคู่หนึ่งกำลังหงุดหงิดกับรถติด และคิดว่าคงมีอุบัติเหตุข้างหน้า
ทันใดนั้นก็เกิดประจุไฟฟ้าช็อตขึ้นมาภายในรถจนทำให้เศษเหรียญที่วางไว้หน้ารถลอยขึ้นมา
รวมทั้งเส้นผมของสองแม่ลูกที่ชี้โด่ชี้เด่เพราะกระแสไฟ จนทำให้ผู้เป็นแม่ช็อคจนพูดอะไรไม่ออก

จะสังเกตุได้ว่าผู้เป็นแม่จะอุทานออกมาว่า "Oh My Gosh!"
ซึ่งความจริงแล้วก็คือคำว่า "Oh My God" นั่นเอง
แต่การใช้คำว่า Gosh จะเป็นการเบี่ยงเบนการออกนามของพระผู้เป็นเจ้า หรือ God โดยตรง
เพราะตามหลักศาสนาแล้วไม่ควรเอ่ยนามของพระผู้เป็นเจ้าโดยขาดความเคารพ
แต่เพราะความเคยชินของฝรั่ง ที่พอมีเรื่องอะไรก็จะนึกถึงพระผู้เป็นเจ้าก่อน
เหมือนกับคนไทยที่จะคิดถึงพระสงฆ์องค์เจ้าก่อนเช่นกัน
เลยทำให้มีการใช้คำว่า "Oh My Gosh!" แทนคำว่า "Oh My God" ด้วยเหตุฉะนี้แล แท่นแท๊น..


(คลิ๊กที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่)



ในขณะที่ป๋าแฟรงค์ของเรากำลังอยู่ในสภาพยับเยินแบบสุดๆ
แต่ก็ยังกระเสือกกระสนออกมาจากซากรถที่คว่ำได้
และตั้งท่าเล็งปืนไปทางจอมวายร้ายที่มัวแต่พูดจ้อไม่หยุดปากตอนกำลังได้เปรียบ
ตามแบบฉบับวายร้ายที่ดีควรทำ

Electro : ทำไมแกถึงมาที่ลอสแอนเจลิส พันนิชเชอร์ ?
Electro : ชั้นเองก็เพิ่งมาถึงที่นี่เหมือนกัน แล้วก็จิตป่วยไปเรียบร้อยแล้วด้วยกับเรื่องรถติดเนี่ย
Electro : ที่นี่มันเมืองของพวกโรคจิตชัดๆเลยนะ ไม่มีฝ่ายแก ไม่มีฝ่ายชั้น แค่ตีกันให้ยุ่งไปหมด

ในขณะที่ปล่อยให้อิเล็คโตรพล่ามไป
ป๋าแฟรงค์ก็กำลังตั้งสติเพื่อหาทางออกสำหรับสถานการณ์เลวร้ายตรงหน้า

"ให้จิตเป็นไปโดยอัตโนมัติ หาจังหวะจู่โจม
ระบุเป้าหมาย ระวังหลัง
ปลดล็อคปืน หายใจให้เป็นปกติ"



"เล็งศูนย์ไปยัง เป้าหมาย"
"ยิง ยิง ยิง"

ว่าแล้วป๋าแฟรงค์ก็กระหน่ำกระสุนไม่ยั้งใส่อิเล็คโตร แต่ว่า..
กระสุนที่ยิงออกไปทั้งหมดกลับไม่ถึงตัวอิเล็คโตรเลยแม้แต่นัดเดียว

Electro : น่ามหัศจรรย์ใช่มั๊ยล่ะ ว่าสนามพลังแม่เหล็กไฟฟ้าจะมีอานุภาพขนาดนี้ ?
Electro : อย่างน้อยเมืองนี้ก็มีอยู่อย่างนึงละนะที่เข้าท่า และชั้นยอมรับเลย
Electro : ว่ามันมีพลังงานอยู่ที่นี่...

พูดจบก็แสยะยิ้มหนึ่งทีตามคอนเซปท์วายร้ายที่ดีมักจะทำก่อนที่จะเล่นงานพระเอก

Electro : แกไม่รู้สึกถึงมันมั่งหรอไง ?

ว่าจบอิเล็คโตรก็ปล่อยพลังงานไฟฟ้าซัดใส่จนป๋าแฟรงค์กระเด็น
ไปกระแทกกับรถที่สองแม่ลูกนั่งอยู่ข้างใน



แม่ : แฮ่กๆ
Punisher : พาเด็กคนนั้นแล้วออกไปจากที่นี่ซะ คุณผู้หญิง
เด็กชาย : เจ๋งงงงงงสุดๆเลย

Gasp เป็นคำที่ใช้แทนการหอบ หรือการพูดกระหืดกระหอบ
เพราะงั้นภาษาไทยน่าจะใช้คำว่า แฮ่กๆ นี่แหละ


Punisher : ให้ไว้เลย คุณผู้หญิง

คำเตือนของป๋าแฟรงค์ทำให้สองแม่ลูกหนีออกจากรถได้ทัน
ก่อนที่อิเล็คโตรจะยิงพลังงานไฟฟ้าเล่นงานป๋าแฟรงค์อีกครั้ง




"ปล่อยจิตใจให้เป็นไปตามจังหวะของมัน"
"การฝึกฝนอยู่ที่ตรงนี้"
"และบางครั้งการหนีก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเหมือนกัน"
"คุณไม่สามารถจัดการกับแผนด้วยการไม่ใช้แผนได้หรอก"

"และผมไม่สามารถเอาชีวิตคนบริสุทธิ์มาเสี่ยงได้"

ป๋าแฟรงค์จึงตัดสินใจยิงใส่ถังน้ำมันรถคันนึง และอาศัยช่วงชุลมุนจากการระเบิดหนีไปได้

"ได้เวลาต้องรวมพลกันใหม่แล้ว"



สามชั่วโมงต่อมา

"ได้เวลาสำหรับการวางแผน"

ป๋าแฟรงค์นัดพบกับทักส์ เพื่อนทหารที่รับฝากดูแล "ลูท" หมาไคโยตีที่ป๋าแฟรงค์ช่วยเอาไว้ในเล่มที่ 1



ทักส์ : เรื่องมันเลวร้ายขนาดไหนละเนี่ย
Punisher : มันกลายเป็นสงครามไปแล้ว ทักส์
Punisher : และชั้นรู้แล้วว่า "อาวุธ" ของพวกมันคืออะไร
Punisher : มันคือ "อิเล็คโตร"
ทักส์ : จอมวายร้าย ?
Punisher : ใช่ และดอส โซเลส ต้องคิดว่าชั้นเป็นก้างขวางคอพวกมันอยู่
Punisher : มันเลยให้อิเล็คโตรมาเขี่ยชั้นออกไปให้พ้นทาง
Punisher : แต่ชั้นรับประกันได้เลยว่า หมอนั่นมาที่นี่ด้วยเหตุผลอื่นนอกเหนือจากนี้แน่
Punisher : และชั้นต้องรู้ให้ได้ว่าเหตุผลนั้นมันคืออะไร

ทักส์ : แต่นายยังคิดว่าอาวุธเคมีพวกนั้นจะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอยู่ ?
Punisher : ใช่ เม็กซิโกเป็นแค่การซ้อมใหญ่เท่านั้น
Punisher : อิเล็คโตรเกี่ยวยังไงกับเรื่องนี้ ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน

Yes, Mexico Was A Dry Run.
Dry Run เป็นสำนวนฝรั่งที่ชวนงงสุดๆ ถ้าแปลตรงตัวคือ "วิ่งแห้ง"
(อย่าลืมว่าภาษาอังกฤษแปลจากหลังมาหน้านะจ๊ะ)
แต่จริงๆแล้วมีความหมายว่า "ซ้อมใหญ่" ซึ่งมีอีกคำที่มีความหมายเดียวกัน
คือ Rehearsal ซึ่งถือว่ามีระดับภาษาสูงกว่าหน่อยนึง


ทักส์ : เอาจริงๆแล้วสารเคมีพวกนั้นมันทำอะไรได้บ้างล่ะ ?
ทักส์ : ทั้งหมดที่ชั้นหาข้อมูลได้คือมันมาจากที่ไหนแค่นั้นเอง
Punisher : มันร้ายกาจมาก
Punisher : ชั้นบอกนายได้ขนาดนั้นแหละ
Punisher : มันฆ่าทุกคน และไม่ใช่แบบไม่เจ็บไม่ปวดนะ
Punisher : ชั้นไม่กล้าจินตนาการเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามันถูกปล่อยออกมาในเขตชุมชน



Punisher : ชั้นต้องหารให้ได้ว่าแหล่งผลิตมันอยู่ที่ไหนและทำลายมันซะ
Punisher : หรือไม่ก็หยุดมันให้ได้ก่อนที่มันจะถูกปล่อยออกมา
Punisher : เพราะงั้นอันดับแรกที่ชั้นจะต้องทำคือ
Punisher : หาใครซักคนที่รู้ว่าดอส โซเลสเก็บเจ้าสารเคมีพวกนี้ไว้ที่ไหน
Punisher : และชั้นจะทำให้มันยอมเปิดปากบอกชั้นเอง

ส่วนอีกด้านหนึ่งหน่วยฮาวลิ่งคอมมานโด (Howling Commando)
กำลังเข้าตรวจหาเบาะแสของป๋าแฟรงค์ในที่เกิดเหตุปะทะกันเมื่อซักครู่

Myers : ปกปิดร่องรอยได้ไม่เลวนี่
Myers : เรียกรูบี้ เรด
Myers : เธอได้อะไรบ้าง

Ruby Red : นายทักส์นี่ไม่เคยใช้พาหนะส่วนตัวในการออกไปพบกับแคสเซิลเลย
Ruby Red : ไซด์วินเดอร์กำลังดูรายงานบันทึกการใช้บริการสาธารณะของแคสเซิลอยู่
Sidewinder : หมอนี่ (ทักส์) เป็นความภาคภูมิใจของนาวิกโยธินเลยละ ประดับยศเพียบ
Sidewinder : แต่ประวัติของหมอนี่ครึ่งนึงถูกแก้ไขซะหมดแล้ว

Ruby Red : แม้แต่พวกเราก็เช็คไม่ได้หรอ ?
Sidewinder : ไม่มีอะไรที่ฮาวลิ่งคอมมานโดทำไม่ได้หรอกน่า มอฟลี่
Sidewinder : พวกเราคือเงาในหมู่เงานะ




Dos Soles : ชั้นบอกให้นายไปจัดการมัน ไม่ได้บอกให้ไปบึ้มรถเล่นบนไฮเวย์นะ
Electro : ทำอะไรหน่อนแน้มแบบนั้นมันไม่ใช่สไตล์ชั้นอ่ะนะ แล้วชั้นก็ไม่ใช่... ขี้ข้านายด้วย

Dos Soles : ชั้นดีใจที่นายเต็มใจจะช่วยพวกเราจัดการเรื่องนั้นให้บรรลุผล
Dos Soles : แล้วชั้นก็ขอบคุณที่ A.I.M. ทำให้เราเป็น.. เป็น.. พันธมิตรกันได้
Dos Soles : และในขณะที่พันนิชเชอร์ยังขวางทางเราอยู่เนี่ย เราไม่สามาารถเอาเรื่องทั้งหมดไปเสี่ยงกับการทะเลาะวิวาทกับหมอนั่นได้หรอกนะ
Electro : อย่าประเมินศัตรูของนายต่ำไป กิลเลอร์โม่
Dos Soles : ดอส โซเลส มีอำนาจมากก็จริง แต่นายไม่ใช่ว่าจะแตะต้องไม่ได้
Dos Soles : ขอเวลาอีกแค่ไม่กี่อาทิตย์เท่านั้นแหละ แล้วพวกเราก็จะแตะต้องไม่ได้จริงๆแล้ว

Dos Soles : และนาย.. อิเล็คโตร งานของนายคือทำให้พวกเราไปถึงจุดนั้นให้ได้
Dos Soles : แต่ในระหว่างนั้น จัดการกับแคสเซิลซะก่อน



ในระหว่างนั้นป๋าแฟรงค์ก็ไปจับลูกน้องของดอส โซเลส มาพูดคุยกันดีๆ ว่าที่ซ่อนของพวกมันอยู่ที่ไหน

หลุยส์ : ชั้นบอกแล้วไงว่าชั้นไม่รู้!
หลุยส์ : ชั้นไม่รู้โว้ย!
Punisher : แต่แกรู้ หลุยส์!
Punisher : เหตุผลเดียวที่แกยังมีชีวิตอยู่เพราะแกเคยบอกอะไรชั้นก่อนหน้านี้
หลุยส์ : แต่ครั้งนี้ชั้นไม่รู้จริงๆ! ชั้นจะตอบแกได้ยังไง

เมื่อป๋าเห็นว่าหลุยส์ยืนกรานว่าไม่รู้จริงๆ (จริงๆแล้วนั่งกรานมากกว่า เพราะถูกจับนั่งมัดมือไพล่หลังกับเก้าอี้อยู่ ฮา!)
ป๋าเลยสมนาคุณที่ให้ความร่วมมือด้วยการมอบคอร์สนวดยกกระชับใบหน้า ฟื้นฟูสภาพผิว ให้ดูมีเลือดสาด เอ๊ย! เลือดฝาดไป 1 คอร์ส

Punisher : งั้น เริ่ม ด้วย กำปั้น ชั้น ละ กัน



สุดท้ายหลุยส์เห็นแก่น้ำใจไมตรีที่ป๋ามีให้

หลุยส์ :  โอเค โอเค ฟังชั้นนะ! หยุดก่อน! ฟังๆ!
หลุยส์ : แค่.. ฟังนะ มันไม่เหมือนกับทุกครั้ง อะไรที่บอสกำลังทำอยู่นี่
หลุยส์ : มันไม่ใช่แบบว่า.. ยาเสพติด หรือ ปืน มันยิ่งกว่านั้น
หลุยส์ : จนทุกคนกลัวที่จะพูดถึงมัน
Punisher : ตอนนี้แกควรกลัวถ้าจะไม่พูดมากกว่า
หลุยส์ : โอเค ฟังนะ บอกแกเลยว่านี่มันไม่ได้มาจากชั้นนะ
หลุยส์ : ต่อให้แกจะทำยังไงกับชั้นอีกก็เถอะ นี่มันเรื่องใหญ่
Punisher : ชั้นกำลังรอคำตอบอยู่นะ หลุยส์
หลุยส์ : ชั้นจะบอกแกแค่ว่าพวกเขาทำมันอยู่ที่ไหน
หลุยส์ : มันขึ้นอยู่กับแกแล้วว่าจะหาทางรู้เองได้มั๊ยว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ที่นั่น



อีกด้านหนึ่งลูก็กำลังถามเจ้าหน้าที่แซมมี่ด้วยความเป็นห่วงเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อคืน
ซึ่งแซมมี่ก็บอกว่าถ้าไม่ได้พันนิชเชอร์มาช่วยไว้ เธอคงตายไปแล้ว
และมันงี่เง่ามากที่เมื่อคืนเธอพยายามที่จะพูดแบบที่ตำรวจพูดกันกับเจ้าผู้ร้ายพวกนั้น
ทั้งๆที่พวกมันไม่ได้สนด้วยซ้ำว่าเธอจะเป็นแม่ครัวหรือตำรวจ และกฎหมายสมัยนี้มันใช้ไม่ได้แล้ว
เธอคิดว่าการกระทำแบบพันนิชเชอร์ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า และบอกว่าเขากำลังจุดประกายให้กับคนอื่นๆ
ในขณะที่ก้มลงมองดูแหวน Memento Mori ที่ป๋าแฟรงค์ให้เธอไว้ในตอนแรก



และคืนนั้นป๋าแฟรงค์ก็บุกเข้าไปที่โกดังแห่งหนึ่งซึ่งเป็นรังของดอส โซเรส

The Police Do Not Protect. They Cannot Prevent.
They Can't Be There Before The Gun Is Fired.
They Can Only Chase The Thug Who Fired It.


ตำรวจไม่ได้ปกปักษ์ พวกเขาไม่สามารถจะป้องกันอะไรได้หรอก
พวกเขาไม่สามารถไปอยู่ที่นั่นได้ก่อนที่ปืนจะถูกลั่นไกออกมา
พวกเขาทำได้แค่ตามจับไอ้จิ๊กโก๋ที่ยิงปืนเท่านั้น



ส่วนทางด้านเดล โซล (Del Sol) ก็กำลังคุยกับลูกน้องจะต้องเตรียมตัวให้เรียบร้อยภายในคืนวันพรุ่งนี้
และอิเล็คโตรจะทำให้ไฟดับทั้งเมือง หลังจากนั้นพวกเขาจะเริ่มงานทันที
และเมื่อนั้นจะไม่มีอะไรมาหยุดมันได้อีก
(อ้าว! เข้าใจมาตลอดว่าไอ้นี่ชื่อดอส โซเรส ไปๆมาๆ รู้สึกว่าดอส โซเรส จะเป็นชื่อแกงค์แฮะ
ส่วนหัวหน้าแกงค์คือไอ้หมอนี่ ชื่อว่า เดล โซล)

When The Fuse Is Lit เป็นสำนวนที่หมายถึงว่าเมื่อเริ่มทำอะไรซักอย่างไปแล้วจะไม่มีอะไรมาหยุดได้ แปลตรงตัวว่าเมื่อสายชนวนถูกจุด ซึ่งเปรียบเทียบกับประทัดยักษ์ เอ๊ย! ระเบิด
ที่ถูกจุดสายชนวนแล้วมันก็ต้องระเบิดให้ได้นั่นเอง




ส่วนป๋าแฟรงค์ก็กำลังรู้สึกถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยสัญชาตญาณ
ของนักสู้ที่ผ่านสมรภูมิเลือดมาโชกโชน



เพราะว่ามีลูกน้องของเดล โซล มาดักซุ่มรอเค้าอยู่บนดาดฟ้าเต็มไปหมดนั่นเอง
ป๋าเลยเปิดฉากด้วยระเบิดแสง ก็จะกระโดดออกไปกราดยิงพวกลูกกระจ๊อก
แต่ก็พลาดท่าโดนยิงเข้าที่ไหล่ซ้าย



Electro : ฟังดูไม่เหมือนพวกนายจะฆ่าหมอนั่นได้นะ
Electro : อยากให้ชั้นออกไปจัดการมั๊ยล่ะ ?
Del Sol : เอาตัวมันมาให้ชั้น เป็นๆ นะ

แม้ป๋าแฟรงค์จะโดนไล่ต้อนจนเกือบตกจากดาดฟ้า แต่ก็ยังพลิกสถานการณ์กลับมาได้
และยิงเจ้าพวกลูกกระจ๊อกจนตกลงไป แล้วทิ้งตัวลงไปทับศพพวกมันแทนเบาะกันกระแทกซะเลย



"นี่ไม่ใช่การลงทัณฑ์"
"มันไม่ใช่ความยุติธรรมด้วย"
"มันคือการกำจัด"



Punisher : ใครจะเป็นคนบอกชั้นว่าเจ้านายของพวกแกอยู่ที่ไหน
ลูกกระจ๊อก A : หืม ?
Punisher : เดาว่าคงไม่ใช่แกสินะ

แล้วก็เปรี้ยงเข้าให้.. แอร๊ยย! โหดสาดดดด ไอ้นั่นมันแค่งงๆนิดเดียวเอง มันอาจจะยอมบอกก็ด๊ายย



และในขณะที่ป่ากำลังจะ "ถามดีๆ" กับพวกลูกกระจ๊อกคนอื่นอยู่นั้น
ก็โดนอิเล็คโตรย่องมาช็อตใส่จากข้างหลังตามแบบฉบับของวายร้ายที่ดีควรทำอีกแล้ว

Electro : เจ้านายกำลังจะมาเจอแกเดี๋ยวนี้แหละ



Electro : เจ็บปวดใช่มั๊ยล่ะ
Electro : มันจะยิ่งแย่กว่านี้อีก
Electro : มิสเตอร์เดล โซล มีเรื่องอยากจะถามแกอยู่
Electro : และชั้นจะทำให้มั่นใจว่าแกจะตอบเขา



จบเล่ม 3.

***อ่านจบแล้วก็คอมเมนท์กันหน่อยสิเธอว์***

------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกันท้ายเล่ม
          เนื้อเรื่องกำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ คนธรรมดาเดินดินอย่างป๋าแฟรงค์จะเอาตัวรอดจากจอมวายร้ายพลังไฟฟ้าอย่างอิเล็คโตรได้อีกครั้งรึเปล่า แล้วแผนการร้ายของพวกดอส โซเรสคืออะไรกันแน่.. อ่านซีรีย์นี้แล้วใช้จินตนาการผสมเข้าไป ผมว่ามันให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูภาพยนต์แอคชั่นเจ๋งๆ ของฮอลีวู้ดซักเรื่องนึงได้เลย พันนิชเชอร์นี่เป็นอะไรที่ลงตัวมากสำหรับคนไม่ชอบคอมมิคที่เว่อร์ขนาดซูเปอร์ฮีโร่เหาะเหินเดินอากาศ แต่อยากได้ความสมจริง ที่ยังแอบโม้เกินจริงอยู่บ้าง และผมว่าซีรีย์นี้แหละคือคำตอบ

5 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณมากครับ ป๋าโหดมากชอบมากเลย

    ตอบลบ
  2. เห็นคอมเมนท์แค่นี้ คนสปอยล์ก็มีกำลังใจทำต่อแล้วครับ.. ดีใจที่ชอบกัน ^^

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ9 เมษายน 2557 เวลา 17:22

    โดนจับได้สะแล้ว อยากดูตอนต่อไปจัง :D

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เล่ม 4 มาแล้ว กำลังเตรียมจะสปอยล์ครับ ตอนนี้อ่านอันนี้ไปพลางๆก่อนนะ

      http://thaispoilcomic.blogspot.com/2014/04/punisher-batman-deadly-knights.html

      ลบ