16 เมษายน 2557

All-New Invaders #3 (2014)

บัคกี้สามารถตามหาตัวอาร์คัส เดอะออริจินัลวิชั่นได้สำเร็จ
กัปตันอเมริกาก็รู้แล้วว่าเดอะก็อดวิสเปอร์ไม่สามารถใช้กับเทพแอสการ์ดได้อีกต่อไป
ภารกิจเดียวตอนนี้คือช่วยเหลือนามอร์กลับมา แต่สิ่งที่รอพวกเขาอยู่ที่เฮลาคือ...




All-New Invaders #3 (2014)
Gods and Soldiers Part Three
เรื่องโดย : James Robinson | ภาพโดย : Steve Pugh, Guru Efx
วางจำหน่าย : 19 มีนาคม 2014
สำนักพิมพ์ : Marvel Comics

ความเดิม : อาณาจักรครีได้รวบรวมเดอะก็อดวิสเปอร์ อาวุธที่มีพลังสามารถควบคุมเทพนอร์สได้สำเร็จ

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เหล่าอินเวเดอร์ได้พบอาวุธชิ้นนี้ของพวกครี และด้วยความกลัวในพลังของมัน พวกเขาจึงแยกเดอะก็อดวิสเปอร์ออกเป็นสามส่วนและซ่อนมันไว้ในสถานที่ลับทั่วไปโลก จนกระทั่งหัวหน้าของพวกครี เดอะซูพรีมอินเทลลิเจินซ์ได้ส่งทานัลธ์ผู้ไล่ล่ามาตามหาชิ้นส่วนของอาวุธที่ถูกซ่อนไว้นี้ และเธอก็ทำได้สำเร็จด้วยการตามล่ากัปตันอเมริกา, วินเทอร์โซลเยอร์, จิม แฮมมอนด์ และ นามอร์ ทุกคนสามารถเอาตัวรอดจากเธอได้ยกเว้นนามอร์ที่ถูกเธอจับตัวไป

ตอนนี้ทีมจึงต้องปฏิบัติการเพื่อช่วยเหลือนามอร์และแย่งชิงเดอะก็อดวิสเปอร์คืนมาให้ได้อย่างไม่มีทางเลือก พวกเขาต้องบุกอาณาจักรครี!!

(คลิ๊กที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่)


3 วันก่อน

นามอร์ (Namor) เดอะซับมารีนเนอร์กำลังต่อสู้อยู่กับทานัลธ์ (Tanalth) อยู่เหนือท้องทะเลแห่งหนึ่ง

Namor : จองหอง โง่เง่า
Namor : ข้าตัดสินใจไม่ถูกเลยว่าอันไหนจะเป็นนิสัยของพวกครีได้มากกว่านี้อีก!

เอิ่ม.. ที่พูดมานั่นมันสันดานเอ็งล้วนๆเลยมากกว่ามั๊ง >___<"


Namor : อาณาจักรของเจ้าส่งทหารคนเดียวมาสู้กับข้า! เจ้าคิดจริงๆหรือว่าแค่คนๆเดียวจากกองกำลังที่น่าสมเพชของพวกเจ้าจะคู่ควรกับข้า ?

Namor : ข้าคือนามอร์ เดอะซับมารีนเนอร์ ทายาทแห่งท้องทะเล ราชาแห่งแอตแลนติส


หลังจากอวดสรรพคุณตัวเองยาวเป็นหางว่าว (นี่ถ้าการเป็นสมาชิกของ Illuminati ไม่ต้องเก็บเป็นความลับ พี่แกก็คงเอามาโม้ด้วยแน่ๆ) นามอร์ก็พุ่งเข้าซัดทานัลธ์เข้าให้หนึ่งโช๊ะ

Namor : Imperius Rex!

Imperius Rex คำนี้เป็นประโยคเด็ดของนามอร์ คิดว่ามาจากภาษาลาติน ซึ่งคำว่า Imperius หมายถึงอำนาข หรืออาณาจักร ส่วน Rex แปลว่าราชาครับ

Tanalth : เจ้าโง่! ข้าคือทานัลธ์ นักล่าผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรของข้า และข้าศึกษาเหยื่อของข้าก่อนออกล่าเสมอ ข้ารู้ว่าเจ้าคือทายาทผู้ทรงพลัง แต่ที่ข้ายังเลือกเจ้าเป็นเป้าหมายแรก เจ้ารู้มั๊ยว่าทำไม ?
Namor : อะไรนะ ? เป้าหมายแรกงั้นหรอ ? ถ้างั้นมีใครอีก ?
Tanalth : พลังของเจ้าก็คือจุดอ่อนของเจ้านั่นแหละ มันทำให้เจ้ามั่นใจในตัวเองมากเกินไป และมันทำให้เจ้าเย่อหยิ่ง...


Tanalth : และโง่เขลา!

ทันใดนั้นทหารครีมากมายก็โผล่ออกมาจากใต้น้ำเข้ามาล้อมนามอร์ไว้


Tanalth : เพราะเจ้ามัวแต่ดูถูกข้าอยู่นะสิ ผืนน้ำที่ทำให้เจ้าไร้เทียมทานนี่แหละจะเป็นผืนน้ำเดียวกันกับที่จะเป็นจุดจบของเจ้า เพราะข้าได้ศึกษาพวกเจ้าทุกคนมาจนหมดแล้ว โดยเฉพาะเจ้าและเจ้าหุ่นแอนดรอยด์ฮิวแมนทอร์ช
Namor : ทุกคนงั้นหรอ ? เดอะทอร์ช ? อะไรกัน...
Tanalth : เจ้าคนโง่เง่า! เจ้าคิดวาข้าจะมาเผชิญหน้ากับเจ้าโดยปราศจากพลังวิทยาศาสตร์ของครีที่จะใช้แยกเจ้ากับมหาสมุทรแหล่งพลังของเจ้าออกจากกันงั้นรึ ?


Tanalth : เจ้าคิดว่ายังงั้นเรอะ?!

ว่าแล้วทานัลธ์ก็ยิงปืนแสงในมือเธอเข้าใส่เจ้าคนโง่เง่านามอร์ทันที


พลังของปืนแสงของทานัลธ์ทำให้นามอร์แห้งเป็นซอมบี้แดดเดียวไปในทันที และเธอก็กล่าวประโยคเด็ด

Tanalth : Imperius Rex!


เทพเจ้าและทหารหาญ ตอนที่ 3


ฮาลา
อาณาจักรครี

นามอร์ที่ถูกทานัลธ์จับตัวมาอยู่ต่อหน้าซูพรีมอินเทลลิเจินซ์ซึ่งในขณะที่ซูพรีมอินเทลลิเจินซ์กำลังจะแนะนำตัวเองอยู่นั้นเอง

Namor : ข้ารู้ว่าแกเป็นใคร ไอ้หัวยักษ์งี่เง่าที่กล้าเรียกตัวเองว่าผู้มีปัญญาสูงสุด (Supreme Intelligence)
Namor : ข้าเคยเป็นทั้งอะเวนเจอร์แล้วก็เอ็กซ์แมน ไอ้ปัญญาอ่อน.. ข้ารู้จักทั้งเจ้าและพวกครีนั่นแหละ! รวมทั้งสงครามของพวกแกกับพวกสครัลด้วย! ข้ารู้ทุกอย่างละเว้ย!
Supreme Intelligence : ข้าชื่นชมในความปากกล้าของเจ้านะ ทั้งๆที่ไม่ว่าทางไหนเจ้าก็หมดหวังแบบนี้แล้วก็ตาม (Despite Your Dilemma Being Hopeless)

Dillemma เป็นคำที่มาจากภาษากรีกครับ มีความหมายประมาณว่า 2 ทางเลือกที่ไม่ว่าทางไหนก็เลือกยากทั้งนั้น หรือเลือกไปแล้วก็แย่ทั้งนั้น ถ้าเทียบกับภาษาไทยก็ประมาณว่า "หนีเสือปะจระเข้" นั่นเองครับ ซึ่งถ้าใครที่ชอบฟังเพลง Hiphop และ RnB จะคุ้นกับคำนี้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน มีเพลงชื่อเดียวกันนี้ ที่เรียกว่าเป็นเพลงบังคับหลังผับปิดต้องเปิดกันเลยทีเดียว นั่นก็คือเพลง Dilemma ของ Nelly feat. Kelly Rowland นั่นเองครับ (อะไรนะ! ไม่เคยฟังหรอ งั้น จิ้มตรงนี้ เลย ฟังซะ เพราะมั่กๆ)

Namor : ความหวังมีอยู่เสมอแหละ (There Is Always Hope)
Supreme Intelligence : ต่อให้เจ้าว่ายังงั้นก็เถอะ แต่เจ้าก็ยังเป็นลูกไก่ในกำมือข้าอยู่ดี และข้าจะดึงเอาความทรงจำของเจ้าออกมา ไม่ว่าจะส่วนสูญหายหรือส่วนที่เจ้าหลงลืม และไม่ว่าเจ้าจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม
Supreme Intelligence : อดีตของเจ้าเป็นของข้าแล้ว!


ตอนนี้
อะเวนเจอร์แมนชั่น

จิม แฮมมอนด์ (Jim Hammond) และสตีฟ โรเจอร์ (Captain America) กลับมาเตรียมตัวเพื่อที่จะไปช่วยนามอร์

Captain America : เข้ามาสิคู่หู เดี๋ยวชั้นจะชงกาแฟให้เอง


Jim Hammond : งั้นบัคกี้ก็ออกไปจัดการตามแผนแรกของนาย แต่ชั้นก็มาอยู่ที่นี่แล้วให้สุดยอดทหารของอเมริกาชงเอสเปรสโซ่ให้กินเนี่ยนะ ชั้นเข้าใจว่าแผนของนายคือให้เราตามหาเดอะออริจินัลวิชั่น อาร์คัส (Aarkus) ให้พบ แต่ทำไมถึงส่งบัคกี้ไปคนเดียว ทั้งๆที่เราไปด้วยกันหมดเลยก็ได้
Captain America : เพราะข้อแรก บัคกี้ถือว่าเป็นคนที่ตายไปแล้ว อย่างน้อยก็ทางกฎหมายละนะ เพราะเขาเป็นทีต้องการตัวของศาลโลก ถ้าเขาโผล่หน้าให้ใครเห็นอีกละก็ เขาได้กลับไปอยู่หลังลูกกรงในฐานะอาชญากรอีกแน่ เพราะงั้นเขาถึงไม่สามารถเข้ามาที่อะเวนเจอร์เฮดควอเตอร์กับพวกเราได้

แล้วแคปก็บอกจิมว่าตอนที่ไปชงกาแฟนั้นเขาได้ติดต่อหาวูลฟ์เวอรีน (Wolverine) กับโร้ก (Rogue) ว่ารู้ที่อยู่ของอาร์คัสไหม

Captain America : เราต้องไปฮาลาให้ได้ แต่ชิลด์ (S.H.I.E.L.D.) คงไม่ให้เรายืมยานอวกาศแน่ๆ รวมทั้งสวอร์ด (S.W.O.R.D.) ทั้งอะเวนเจอร์ (Avengers) ด้วย และมั่นใจโคตรๆว่าวากันด้า (Wakanda) ก็ไม่ให้ เพราะงั้นเราเลยต้องหาทางอื่นและชั้นหวังว่าอาร์คัสจะสามารถแก้ปัญหานี้ให้เราได้
Captain America : มาเถอะ ระหว่างที่รอบัคกี้ เรามีอะไรต้องทำให้เสร็จก่อน
Jim Hammond : นำไปเลยพวก


นั่นก็คือการติดต่อบอกให้ธอร์ (Thor) และชาวแอสการ์ดรู้เรื่องของเดอะก็อดวิสเปอร์ (Gods' Whisper) นั่นเอง แต่ธอร์กลับรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้ว และบอกว่าตอนนี้มันไม่สามารถใช้กับเขาและชาวแอสการ์ดคนใดได้อีกแล้ว เพราะบัลเดอร์ (Balder) ซึ่งเป็นชาวแอสการ์ดที่ถูกจับไปควบคุมเป็นคนแรกได้เตือนให้พวกแอสการ์ดรู้ และทันทีที่โอดินรู้เรื่องก็ได้สั่งการให้เหล่าพระแม่ทั้งมวล (All-Mother) ใช้เวทมนต์ป้องกันการควบคุมจากอาวุธของพวกครีชิ้นนี้ทันที แม้ว่าจิมจะบอกว่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เขายังเห็นว่าเฮล่า (Hela) ถูกควบคุมอยู่เลย แต่ธอร์บอกว่าเพราะเฮล่าหยิ่งทระนงว่าตัวเองไม่มีทางถูกพลังใดๆควบคุมใด เลยไม่เข้ารับการป้องกัน แต่สุดท้ายหลังจากที่รอดกลับมาจากการถูกสตรัคเกอร์ (Baron Von Strucker) ควบคุม เธอก็รีบไปให้เหล่าพระแม่ทั้งมวลใช้เวทมนต์ปกป้องให้ทันที

อ่านประวัติของสตรัคเกอร์ (ภาษาไทย) ได้ ที่นี่่

Jim Hammond : งั้นเดอะก็อดวิสเปอร์ก็ไร้ประโยชน์ไปแล้วสิ
Captain America : ชั้นก็คิดว่างั้นนะพ่อหนุ่ม พวกครีคงดูงี่เง่าไปเลยถ้ารู้เรื่องนี้
Jim Hammond : งั้นก็เหลือแค่ภารกิจช่วงนามอร์แล้วสินะ
Captain America : ไม่ มันไม่ใช่ "แค่" ภารกิจช่วยตัวประกันนะจิม มันเป็นอะไรมากกว่านั้น กี่ครั้งแล้วที่นามอร์ช่วยพวกเราไว้ในอดีต อย่างที่ชั้นบอกไปละนะ ไม่มีใครไปช่วยนามอร์แน่ เพราะงั้นถ้าไม่ใช่พวกเรามันจะเป็นใครได้อีก ?


Captain America : อย่างที่ชั้นบอกไปละนะ ตอนที่นายพูดถึงอาร์คัส (Aarkus) มันทำให้ชั้นนึกถึงวิธีที่เราจะเดินทางผ่านควัน...หมอก...หรืออะไรก็แล้วแต่ที่หมอนั่นทำได้
Jim Hammond : เอาจริงอ่ะ สตีฟ เนี่ยนะแผนของนาย ? เราจะบุกพวกครีผ่านควันเนี่ยนะ
Captain America : เพราะนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่พวกนั้นจะนึกถึงไงล่ะ
Jim Hammond : โอเค เซอไพรส์แอทแทคสินะ ? มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกนี่เนอะ แต่.. นายจำครั้งล่าสุดที่เราเจออาร์คัสได้มั๊ย ? เรารู้อะไรเกี่ยวกับหมอนั่นบ้างล่ะ...


 Jim Hammond : ...นอกจากที่เรารู้ว่าหมอนั่นเป็นคนดีพอๆกับที่เป็นคนประหลาดสุดๆอีกด้วย

ในขณะเดียวกันที่ดีทรอยท์ บัคกี้กำลังเข้าไปคุยกับคนจรจัดที่อยู่กับหมาตัวหนึ่ง

Winter Soldier : อาร์คัสใช่มั๊ย ? อย่าพยายามปฏิเสธ ชั้นรู้ว่านั่นนาย
คนจรจัด : เอ่อ ? นายพูดเรื่องอะไรเนี่ย ชั้นไม่ใช่...
หมา : กรร


ทันใดนั้นหมาของชายจรจัดก็กลายร่างเป็นอาร์คัสทันที ป๊าดดดด!

Aarkus : นายหาชั้นเจอได้ยังไง
Winter Soldier : หนึ่งในพรสวรรค์ของชั้นคือการตามหาคนนี่แหละ... แต่ถึงยังงั้นชั้นก็ต้องยอมรับนะว่านายหาตัวยากที่สุดเลยต่อให้ชั้นรู้ว่าจะต้องหานานที่ไหนก็เหอะ

และบัคกี้ก็ติดต่อไปยังกัปตันอเมริกาและจิม

Jim Hammond : เขาพิลึกขึ้นเยอะเลยนะ ท่าทางจะเพี้ยนไปจริงๆแล้ว
Captain America : จิม นายรู้เหตุผลที่แท้จริงที่หมอนั่นมาอยู่ที่โลกมั๊ย ? หมอนั่นเคยบอกชั้นครั้งนึง และชั้นพูดเลยว่าถ้าชั้นต้องแบกภาระแบบนั้น ชั้นก็คงจะเพี้ยนเหมือนกัน
Jim Hammond : โอเค แล้วหมอนั่นจะช่วยเรารึเปล่า ?
Captain America : ทำไมถามยังงั้น แน่นอนสิ.. หมอนั่นก็เป็นพี่น้องคนนึงของเรา
Jim Hammond : สตีฟ คู่หู นายอาจจะเชื่อมั่นเรื่องราวในอดีตมากไปก็ได้นะ


ทางด้านอาร์คัสก็พาบัคกี้เดินทางผ่านหมอกของเขา ซึ่งข้างในเป็นประตู (แต่อาร์คัสให้บัคกี้เรียกมันว่าถนน) มากมายเปิดผ่านไปสู่สถานที่ต่างๆ ซึ่งอาร์คัสบอกบัคกี้ว่าเขาต้องคอยจับตาดูประตูเหล่านี้ตามคำสั่งจากดาวบ้านเกิดของเขาเผื่อว่ามันจะมีเบาะแสอะไรที่เขาดูพลาดไปเมื่อหลายปีก่อน แต่เมื่อบัคกี้ถามว่าเบาะแสแบบไหนที่เขามองหาอยู่ อาร์คัสไม่ตอบและพวกเขาก็มาถึงจุดหมายปลายทางพอดี


ทะเลทรายขาว นิวเม็กซิโก

Captain America : อาร์คัส! บัคกี้นายมันสุดยอด! นายหาเขาเจอจนได้!
Aarkus : แล้วพ่อหนุ่มเจมส์ยังบอกชั้นด้วยว่าพวกนายต้องการให้ชั้นทำอะไร
Captain America : แล้วนายก็จะทำใช่มั๊ย ?
Aarkus : แน่นอนสิ กัปตันอเมริกา พวกเราเป็นพี่้น้องกันนี่นา
Jim Hammond :  โอเค คราวนี้นายถูก

You Called It. เป็นสำนวนที่ใช้พูดเพื่อจะบอกว่าอีกฝ่ายสามารถทำนายผลในสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ถูกต้อง เช่น กรณีนี้แคปเชื่อว่าอาร์คัสจะช่วยพวกเขาแน่ๆ แล้วอาร์คัสก็ช่วยจริงๆ จิมจึงบอกว่า "Okay. You Called It."


ซึ่งก่อนที่จะเดินทางแคปก็ได้ให้อะไรซักอย่างกับคนอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ของแฮงค์พิมหรือแบนเนอร์นี่ละ แคปก็จำไม่ได้เหมือนกัน ฮ่าๆๆ  ซึ่งมันจะช่วยล็อคตำแหน่งให้ทุกคนอยู่รวมกัน ทางด้านอาร์คัสก็บอกว่าเขาจำเป็นต้องใช้ควันในการเดินทาง และยิ่งระยะทางไกลมาก เขายิ่งต้องการควันจำนวนมาก เพราะฉะนั้นแคปเลยบอกให้จิม...


ระเบิดควินเจ็ท (Avengers Quinjet) แม่-งเลย!!!!


และเมื่อมีควันแล้วก็ได้เวลาออกเดินทาง

Winter Soldier : ให้มื้อเที่ยงรอไปก่อนแล้วกันนะ จากที่ชั้นเพิ่งมาเมื่อกี้ ชั้นบอกได้เลยว่าการเดินทางคราวนี้...


Winter Soldier : ...ไม่สนุกแน่นอน อ้าว! เรามาถึงแล้วหรอเนี่ย
Captain America : ตรงนั้น...


ฮาลา เมืองของพวกครี

Captain America : นั่นคือเป้าหมายของพวกเรา ท่านสุภาพบุรุษ ที่ไหนซักแห่งในเมืองนั้นมีนามอร์ เพื่อนของเรา อยู่

แต่ก่อนที่ทุกคนจะได้พูดอะไรต่อ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา

??? : นั่นนะเหรอเป้าหมายของพวกเจ้า ? ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะตั้งใจเอาชีวิตรอดแทนดีกว่านะ...


นั่นก็คือเสียงของทานัลธ์พร้อมทหารครีจำนวนมากที่ล้อมพวกเขาไว้

Tanalth : ถึงแม้ว่าข้าจะประเมินว่าโอกาสที่พวกเจ้าจะทำอย่างนั้นได้มันน้อยนิดเต็มที


Captain America : ต้องยกให้เธอเลยนะ ทานัลธ์ -- นั่นชื่อเธอใช่มั๊ย
Tanalth : ทานัลธ์ผู้ไล่ล่า... แม้ว่ามันจะหายากก็ตามที่เหยื่อของข้าจะวิ่งตรงมาหาข้าเองแบบนี้
Captain America : ชั้นยอมรับว่ามันคงจะดูเป็นแบบนั้นละนะ เพราะชั้นนึกไม่ออกเลยว่าเธอรู้ได้ยังไงว่าเราจะปรากฎตัวที่ไหนและเมื่อไหร่
Tanalth : ที่มนุษย์อย่างพวกเจ้าชอบพูดกันมันอะไรนะ ? นักมายากลไม่มีทางเปิดเผยกลของตัวเองหรอใช่มั๊ย ?
Winter Soldier : ถึงงั้นก็เหอะ นี่เธอรู้รึยังเนี่ยว่าอาวุธสุดแหร่มของเธอ เดอะก็อดวิสเปอร์ใช้การไม่ได้แล้ว ? พวกชาวแอสการ์ดรู้ทันเธอและไอ้เจ้านั่นมันก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้แล้ว
Tanalth : งั้นพวกเราก็ไม่สามารถควบคุมเทพแห่งแอสการ์ดได้แล้วงั้นหรอ ? เจ้าพวกโง่เง่า
Tanalth : พวกเราคือครี พวกเราคืออาณาจักร และภายใต้การบัญชาการของเดอะซูพรีมอินเทลลิเจินซ์ พวกเรารอบรู้ทุกสิ่ง


Tanalth : ...แล้วมันก็ยังมีเทพองค์อื่นๆอีกมากให้เลือก อย่างเช่น อิคาริส (Ikaris) แห่งเหล่านิรันดร (The Eternals) นี่ยังไง!

สิ้นคำพูดของทานัลธ์ ชายหนุ่มผมทองร่างกำยำในชุดสีฟ้าก็ปรากฎกายแบบฟ้าถล่มดินทลาย (ไม่รู้ว่ามุดดินขึ้นมา หรือโดดลงมาจากฟ้าแล้วกระแทกจนพื้นดินพัง ฮ่าๆๆ)


เหล่านิรันดร หรือ The Eternals เป็นฝีมือการสร้างสรรค์ของแจ็ค เคอร์บี้ (Jack Curby) ในปี 1976 พวกเขาเป็นวิวัฒนาการของมนุษยชาติที่ใกล้เคียงความเป็นอมตะซึ่งถูกสร้างโดยเหล่าเซเลสเที่ยล (Celestials) เมื่อหลายล้านปีมาแล้ว

จบเล่ม 3.

***อ่านจบแล้วก็คอมเมนท์กันหน่อยสิเธอว์***

------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกันท้ายเล่ม
          สำหรับเล่มนี้ก็หักมุมกันเล็กน้อยที่ธอร์รู้เรื่องเดอะก็อดวิสเปอร์อยู่แล้ว แต่มาหักมุมสุดๆตอนจบที่อิคาริสโผล่มาแล้วเอาผมงงแตกว่า... มันเป็นใครฟ่ะ ? จนต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติมมาถึงได้รู้นี่แหละว่ามีเผ่าชื่อ Eternals อยู่ด้วย ตอนแรกคิดว่าพอเดอะก็อดวิสเปอร์คุมเทพแอสการ์ดไม่ได้แล้ว พวกครีจะหันไปควบคุมเทพกรีกแทนซะอีก หุๆ

2 ความคิดเห็น:

  1. ขำ hela พอโดนหลุดจากสะกดจิตปุ้ป รีบวิ่งแจ้นไปหาพระแม่แทบไม่ทัน

    ตอบลบ
  2. สนุกมากครับ กำลังรอเล่มต่อไป

    ตอบลบ