9 ตุลาคม 2557

Fantastic Four #3 (2014)

เมื่อฮิวแมนทอร์ชสูญเสียพลังของเขาไปจากการช่วยนิวยอร์คเอาไว้
มิสเตอร์แฟนแทสติคค้นพบความจริงที่น่าตกใจเกี่ยวกับแมลงประหลาด
และพบกับการปรากฎตัวของสี่สยองเกล้าทีมใหม่!!




Fantastic Four #3 (2014)
The Fall of the Fantastic Four Part Three
เรื่องโดย : James Robinson
ภาพโดย : Leonard Kirk, Karl Kesel, Jesus Aburtov

วางจำหน่าย : 23 เมษายน 2014
สำนักพิมพ์ : Marvel Comics
ผู้สปอยล์ : Musashi

การล่มสลายของสี่พลังคนกายสิทธิ์ ตอนที่ 3

(คลิ๊กที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่)



ตึกแบกซเตอร์
สำนักงานใหญ่ประจำแมนฮัตตันของเหล่าสี่พลังคนกายสิทธิ์


รี้ด (Mr. Fantastic) และซูซาน ริชาร์ด (Invisible Woman) กำลังตรวจสอบร่างกายของจอห์นนี่ (Human Torch) อยู่

Mr. Fantastic : ปัญหาคือ นายได้ตายไปแล้วนะสิ จอห์นนี่



รี๊ดอธิบายให้ฟังว่าตอนที่จอห์นนี่ติดอยู่ในเนกาทีฟโซน (Negative Zone) นั้น เขาได้ตายไปแล้วครั้งนึงและฟื้นขึ้นมาใหม่ และสารพิษที่รี้ดใช้ในการจัดการกับพวกแมลงประหลาดที่บุกโจมตีแมนฮัตตันนั้น (อยู่ในเล่ม 2) ก็เป็นสารพิษที่รี้ดใช้ส่วนประกอบจากพ็อคเก็ตยูนิเวิร์ส (Pocket Universe) และเชื้อโรคจากเนกาทีฟโซนเป็นตัวเร่งปฏิกิรยาของสารพิษในการทำลายแมลงพวกนั้น แต่ปัญหาคือจอห์นนี่ติดอยู่ในเนกาทีฟโซนนานพอที่จะทำให้สารพิษไม่ทำอันตรายจอห์นนี่ไปด้วย แต่มันทำกลับดึงเอาพลังของจอห์นนี่ไปแทน



รี้ดบอกว่าจะพยายามหาวิธีทำให้จอห์นนี่กลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้ แต่จอห์นนี่บอกว่ามันอาจจะเป็นเรื่องยากกว่าที่รี้ดคิดก็ได้เพราะดูอย่างเบน (Thing) ที่รี้ดบอกว่าจะหาทางรักษาให้จนป่านนี้ก็ยังรักษาไม่ได้ทั้งๆที่รี้ดคือชายผู้ฉลาดที่สุดในโลกแล้ว เพราะงั้นตอนนี้เขาขอเป็นแค่ "จอห์นนี่ สตอร์ม" ไปก่อนดีกว่า อย่างน้อยเขาก็ยังมีงานในฐานะนักร้องและยังมีทัวร์คอนเสิร์ตอีก ถึงจะไม่มีพลัง แต่ชีวิตของเขาในตอนนี้ก็ยังคงเป็นชีวิตที่ใครหลายๆคนอิฉาอยู่ดี

Human Torch : จนกว่าจะถึงวันที่นายมาหาชั้นนะ รี๊ด แล้วพูดว่า "ชั้นพบมันแล้ว จอห์นนี่ ชั้นพบวิธีรักษาแล้ว..."

Human Torch : ... ชั้นคิดว่า ตอนนี้มันคงถึงเวลา "ดับไฟ" แล้วล่ะ

จอห์นนี่จะมีประโยคเด็ด (Catch Phrase) เวลาใช้พลังว่า "Flame On" ซึ่งแปลว่า "ติดไฟ" ครับ ในตอนที่พลังของเขาหายไปนี้ เขาเลยพูดกึ่งประชดชีวิตว่า "Flame Off" หรือ "ดับไฟ" นั่นเอง



ทางด้านเบน กริมม์ ก็กำลังพูดคุยถึงเรื่องเก่าๆในอดีตสมัยที่เขาเคร่วมต่อสู้กับเดธโล้ก (Deathlok) ให้กับแฟนสาวของเจา อลิเซีย มาสเตอร์ (Alicia Masters) ฟัง แต่อลิเซียบอกว่าเธอไม่สนใจหรอก เธอสนใจแค่ว่าเบนปลอดภัยเท่านั้นก็พอ เบนเลยหันพูดถึงเรื่องที่จอห์นนี่สูญเสียพลังไปเพราะเบนเป็นห่วงจอห์นนี่มาก



อลิเซียก็บอกว่าเธอยังคงกังวลเกี่ยวกับเรื่องระหว่างเธอกับเบน เพราะทุกครั้งเวลาที่เธอกับเขามีความสุขด้วยกันมากที่สุดอย่างตอนนี้ มันจะต้องมีเหตุร้ายเกิดขึ้นเสมอ ซึ่งเบนก็บอกว่ามันจะต้องไม่ใช่ครั้งนี้ และเขาจะปกป้องเธอเอง เขาสัญญา แต่ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเอง ก็มีหุ่นยนต์ขนาดเล็กมาแอบสอดแนม




และมันได้ส่งภาพไปให้ใครบางคนที่แอบดูอยู่

Thing : --ผมจะปกป้องคุณเอง ผมสัญญา... คุณและสิ่งที่เรามีร่วมกัน

??? : โอ้ ชั้นสงสัยจริงๆ เจ้าสัตว์ประหลาด ชั้นสงสัยจากใจจริงเลยแหละว่าแกจะทำได้มั๊ย


ทางด้านดาเมจคอนโทรล (Damage Control) ซึ่งเป็นบริษัทที่รับซ่อมแซมความเสียหายต่างๆ กำลังดำเนินการซ่อมแซมถนนและอาคารต่างๆในแมนฮัตตันที่เสียหายจากการบุกโจมตีของเหล่าแมลงประหลาด



ทางด้านเลนนี่ บอลลิงเจอ์ (Lenny Ballinger) ซึ่งเป็นนายช่างใหญ่ของดาเมจคอนโทรลก็ถามรี้ดว่าแมลงประหลาดพวกนั้นมาจากไหนกัน ซึ่งรี้ดก็บอกว่าเขาเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้

ทางด้าน มาร์คัว จอห์นสัน (Marcus Johnson) หรือ นิค ฟิวรี่ จูเนียร์ (Nick Fury Jr.) ก็ติดต่อมาหารี๊ดเพื่อถามถึงความคืบหน้าในการตามหาที่มาของเหล่าแมลงประหลาดเหล่านั้นเช่นกัน



รี้ดก็ถามฟิวรี่ถึงแมลงประหลาดตัวอื่นๆ ที่เขาเชื่อว่ามีอย่างน้อยอีกเป็นพันตัว ซึ่งฟิวรี่ก็บอกว่าหลังจากที่พวกมันโดนสารพิษของรี้ดทำให้สลบไปหมดแล้วนั้น ก็ถูกนำไปกักไว้ที่ชิลด์ (S.H.I.E.L.D.) และมีคำสั่งให้ทำการกำจัดพวกมันทิ้งทั้งหมด ซึ่งตอนนี้พวกเขากำลังทำการทดลองหาวิธีการกันอยู่

Mr. Fantastic : ฟังดูเลือดเย็นไปหน่อยนะ นายไม่คิดงั้นหรอ ?

Nick Fury Jr. : ชั้นมั่นใจว่าประชาชนทุกคนที่โดนเจ้าสัตว์ประหลดนี่โจมตีจะต้องไม่เห็นด้วยกับนายแน่

Mr. Fantastic : ถ้านายว่างั้นละก็นะ

Mr. Fantastic : ขอชั้นกลับไปเข้าเรื่องแล้วกัน ชั้นจะบอกนายทันทีที่ชั้นรู้อะไรซักอย่าง



ทางด้านซูซาน ก็พาเด็กๆ ในฟิวเจอร์ฟาวเดชั่น (Future Foundation) ลงมาเที่ยวใต้ทะเล



โดยมีนามอร์ (Namor) เป็นไกด์นำทัวร์ให้นั่นเอง



การได้อยู่กับพวกเด็กๆใน ฟิวเจอร์ฟาวเดชั่น ทำให้เธอคิดถึงลูกสาวของเธอ วาเลเรีย ริชาร์ด (Valeria Richards) ที่ตอนนี้หนีออกจากบ้านไปอยู่กับดอกเตอร์ ดูม (Doctor Doom) ที่ลัตเวเรีย โดยเธอหวังว่าเธอจะสามารถเปลี่ยนดอกเตอร์ดูมให้เป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิมได้

ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับ ว่าวาเลเรียน้อยใจอะไรพ่อกับแม่ถึงหนีออกจากบ้านไปอยู่กับดอกเตอร์ดูมซึ่งถือว่าเป็นศัตรูคู่แค้นของครอบครัวตัวเองด้วย เพราะผมเองก็เพิ่งเริ่มอ่านคอมมิคได้ไม่นาน แถมไม่ค่อยได้ติดตามแฟนแทสติคโฟร์ด้วย ใครที่รู้เหตุผลก็คอมเมนท์บอกเล่ากันหน่อยนะครับ



Doctor Doom : เอาล่ะ เด็กน้อย เราควรจะทำอะไรกันเป็นอย่างแรก

Valeria : อืม นู๋กำลังคิดถึงเรื่องที่ตลอดหลายปีมานี้ของคุณลุงกับการพยายามที่จะทำลายโลกนี้ลงไป...

Valeria : ...นู๋เลยว่ามันอาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีถ้าเราจะสร้างมันขึ้นมาใหม่นะ



ทางด้านจอห์นนี่ก็กำลังนึกถึงช่วงเวลาที่เขายังเป็นฮิวแมนทอร์ชและต่อสู้กับแอสเบสทอสแมน (Asbestos Man) ในขณะที่กำลังคุยเรื่องทัวร์คอนเสิร์ตของเขาอยู่กับผู้จัดการส่วนตัว จนผู้จัดการงง



ตัดกลับมาที่รี๊ด ซึ่งเขาเพิ่งได้ค้นพบความจริงที่น่าตกใจเกี่ยวกับพวกแมลงประหลาดที่บุกโจมตีแมนฮัตตัน เขาจึงรีบติดต่อไปยังฟิวรี่จูเนียร์ทันที

Mr. Fantastic : ฟิวรี่ อย่าเพิ่งฆ่าพวกมันนะ หยุดการทดลองเพื่อจะหาทางฆ่าพวกมันด้วย หยุดทุกอย่างเลย

Mr. Fantastic : เจ้าสิ่งมีชีวิตพวกนี้เป็นมนุษย์!



ที่ไทม์แสควร์ เบนชวนจอห์นนี่ออกมาเดินเล่นเพราะเขาเป็นห่วงเรื่องที่จอห์นนี่สูญเสียพลังไป แต่ในขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินคุยกันอยู่นั้นเอง...



คนผู้หนึ่งก็ปรากฎตัวขึ้นมาและใช้ชะแลงโจมตีเข้าใส่พื้นถนน จนเกิดเป็นพลังทำลายมหาศาลจนทั้งเบนและจอห์นนี่รวมถึงผู้คนและรถราโดยรอบถูกพลังระเบิดปลิวไป



Thing : จอห์นนี่ นายโอเครึเปล่า ?

Human Torch : ชั้นหงุดหงิดสุดๆ นั่นละที่ชั้นเป็นอยู่ตอนนี้ เบน ใครทำแบบนี้กัน ? ใคร หรือ อะไร ? ชั้นมองไม่เห็นเพราะฝุ่นมันฟุ้งกระจายไปทั่วเลย

Wrecker : แกล้อเล่นรึไง ? พลังทำลายล้างในระดับนี้... แกยังต้องถามอีกหรอว่าใคร ?

Human Torch : เดอะเรคเกอร์! (Wrecker)

จอห์นนี่ที่กำลังหงุดหงิดเลยลืมตัวจะใช้พลังฮิวแมนทอร์ชของเขา แต่เขาก็รู้ตัวได้ทันทีก่อนจะพูดวลีเด็ด "ติดไฟ" ของเขาจบ พร้อมกับสีหน้าเศร้าสร้อยที่รู้ว่าตัวเองไม่สามารถใช้พลังได้อีกแล้ว

The Thing : ไม่เป็นไรจอห์นนี่ ชั้นจัดการเอง! เดี๋ยวจะตื้บเจ้าตัวตลกนี่ซะ--มันกับกลุ่มเรคกิ้งครูว์ (Wrecking Crew) งี่เง่าของมัน ถ้าพวกมันอยูที่นี่ด้วยละนะ

??? : นั่นก็อาจจะจริงนะ เจ้ามนุษย์ยุคหิน... ถ้าพวกเขายังเป็นเรคกิ้งครูว์อยู่...



Wizard : ...และไม่ได้เป็นเวอร์ชั่นปรับปรุงและแก้ไขของ... เดอะไฟรท์ฟูลโฟร์!

วิซาร์ด (Wizard) กลับมาอีกครั้งพร้อมกับสมาชิกใหม่ของทีมสี่สยองเกล้า (Frightful Four) ของเขาที่รวมเอาสมาชิกของเรคกิ้งครูว์อีกสามคนเข้ามาด้วย


จบเล่ม 3.

***อ่านจบแล้วก็คอมเมนท์กันหน่อยสิเธอว์***

------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกันท้ายเล่ม
          จริงๆ ตอนแรกผมกะจะไม่ทำสปอยล์หัวนี้แล้ว เพราะอ่านไปสามสี่เล่มแล้วก็ยังไม่รู้สึกว่ามันสนุกเท่าไหร่ และ Fantastic Four ยังเป็นคอมมิคเก่าแก่ เรียกได้ว่าเป็นคอมมิคซูเปอร์ฮีโร่กลุ่มแรกของมาร์เวลเลย ทำให้มีตัวละครและความสัมพันธ์ของตัวละครยั้วเยี้ยไปหมด แถมยังมีศัพท์วิทยาศาสตร์ซะเยอะเพราะมีรี้ด ริชาร์ดอยู่ด้วย แต่พอมีข่าวออกมาว่ามาร์เวลจะยกเลิกไลน์ของแฟนแทสติคโฟร์ทั้งหมดในปีหน้า ไม่ว่าจะเป็นคอมมิคหรือของเล่นและอื่นๆ เพื่อไม่ยอมให้เป็นการส่งเสริมหนังแฟนแทสติคโฟร์ของ 20th Century Fox ที่กำลังจะเข้าฉายในปี 2015 เช่นกัน โดยหวังจะทำให้รายได้ของหนังไม่ดี จนฟ็อกซ์ไม่ยอมสร้างต่อและคืนลิขสิทธิ์ให้มาร์เวล (แต่ทำไมผมว่ายิ่งยกเลิก จะยิ่งทำให้คนสนใจมากขึ้นกว่าเดิมซะเปล่าๆ) ผมก็เลย "เอาวะ! ฮึดกลับมาทำสปอยล์อีกหน่อย ยิงยาวไปจนจบซีรีย์นี้กลางปีหน้าเลย" ด้วยเหตุนี้แหละครับ

12 ความคิดเห็น:

  1. อันนี้เป็นเรื่องราวในจักวาลอัลติเมทหรือป่าวครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. จักรวาลหลักครับ ^^

      ลบ
    2. อ่าว แล้วทำไมนิคฟิวรี่ถึงหัวล้านละครับ หรือผมจำสลับกัน 555

      ลบ
    3. สังเกตุชื่อดีๆ "นิค ฟิวรี่ จูเนียร์" ครับ นั่นก็คือเขาเป็นลูกของ นิค ฟิวรี่ นั่นเอง.. เป็นตัวละครที่มาร์เวลแถสร้างขึ้นมาในจักรวาลหลักเพราะความดังของนิค ฟิวรี่ผิวสีในหนังที่รับบทโดยซามูเอล แจ็คสันนั่นเอง.. ทั้งๆที่จริงๆ ฟิวรี่ผิวสี ในหนังเอาต้นแบบมาจากฟิวรี่จักรวาลอัลติเมท แต่มาร์เวลก็ยังแถให้มีฟิวรี่ผิวสีในจักรวาลหลักจนได้ ฮ่าๆๆ

      ลบ
    4. อ้อ ผมไม่ทันสังเกตุเอง ขอบคุณมากครับ

      ลบ
    5. และนิค ฟิวรี่ของจักรวาลอัลติเมท ก็เอาต้นแบบมาจากซามูเอล แจ็คสันอีกที ฮ่าๆๆ

      ดีใจที่มีคนทำ F4 ครับ แอบเห็นด้วยเหมือนกันว่ามาร์เวลจะปิดหัวนี้เพื่อขัดขาฟ๊อกซ์ มันจะยิ่งทำให้คนสนใจซะเปล่าๆ -*-

      ลบ
  2. เหมือนวาเลเรียจะงอน รีดที่ไปยุ้งกับประตูมิติอีกแล้วเลยงอนไปหาลุงดูมที่ ลัตเวเรีย และคิดไอเดียที่จะเปลี่ยนลุงดูมให้เป็นคนดี

    ในเล่มเฉพาะกิจ ซูซาน เคยไปถล่มที่ลัตเวเรียคนเดียวมาแล้วนะเพื่อพาลูกเจ๊กลับครับ เล่นซะพินาตสันตะโรเมืองเละ และเกือบฉีกร่างด๊อกเตอร์ดูม(วิคเตอร์)ตัวจริงๆนะไม่ใช้ดูมบอท จนลูกสาวเริ่มจะกลัวเธอและบอกว่าจะอยู่ที่นี้
    ซูซานเลยได้แต่เศร้ากลับไปคนเดียว

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อันนี้ใช่เล่ม Annual ที่เพิ่งออกมาไม่นานนี้ป่าวครับ ? ยังไม่ได้อ่านแต่เห็นแว๊บๆ แต่เพราะเล่มหลักผมเพิ่งอ่านไปแค่เล่ม 4 เองเลยยังไม่หยิบเล่มนั้นมาอ่าน กลัวจะงง ฮ่าๆๆ

      ลบ
    2. ใช้ครับเล่ม Annual

      ลบ
  3. ตอนนี้ภาคหนังที่กำลังจะเข้าฉายเค้าให้เหตุผลหรือยังครับว่าทำไมจอนนี่ถึงผิวสี ผมลองไปดูใน IMDB หนังภาคนี้มีแพลนถ่ายภาค 2 แบบไม่กลัวเจ๊งซะด้วยสิ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เค้าบอกว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องบุญธรรมกันนะครับ แต่ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นลูกเลี้ยง ส่วนเหตุผลนี่ เหมือนเคยอ่านเจอคนบอกว่านักแสดงผิวสีที่จะแสดงเป็นจอห์นนี่เป็นเพื่อนสนิทกับผู้กำกับนะครับ แต่ผมก็ว่าจะเป็นไปได้เร้อ เหตุผลนี้ นี่มันหนังระดับฉายทั่วโลก จะเอาแค่ความเป็นเพื่อนมาให้แสดงในบทที่ขัดกับต้นฉบับดั้งเดิมขนาดนี้เลยเนี่ยนะ แต่ถ้าไม่ใช่เหตุผลนี้ ก็นึกไม่ออกแล้วจริงๆว่าจะเป็นเหตุผลไหนได้อีก นอกซะจาก "FOX แม่งบ้า"

      ลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ13 ตุลาคม 2557 เวลา 06:16

    ขอบคุณครับบรออ่านต่อนะครับ

    ตอบลบ