โลแกนปลอมตัวเข้ามายังมาดริพัวร์เพื่อพบกับไวเปอร์
เขาต้องปะทะกับเซเบอร์ทูธคู่แค้นเก่าโดยที่ไม่มีฮีลลิ่งแฟคเตอร์
แต่แล้วผู้มาช่วยที่เหนือความคาดหมายก็ปรากฎตัวขึ้น
Death of Wolverine #2 (2014)
Poison
เรื่องโดย : Charles Soule
ภาพโดย : Steve McNiven, Jay Leisten, Justin Ponsor
วางจำหน่าย : 10 กันยายน 2014
สำนักพิมพ์ : Marvel Comics
ผู้สปอยล์ : Musashi
เขาต้องปะทะกับเซเบอร์ทูธคู่แค้นเก่าโดยที่ไม่มีฮีลลิ่งแฟคเตอร์
แต่แล้วผู้มาช่วยที่เหนือความคาดหมายก็ปรากฎตัวขึ้น
Death of Wolverine #2 (2014)
Poison
เรื่องโดย : Charles Soule
ภาพโดย : Steve McNiven, Jay Leisten, Justin Ponsor
วางจำหน่าย : 10 กันยายน 2014
สำนักพิมพ์ : Marvel Comics
ผู้สปอยล์ : Musashi
พิษ
(คลิ๊กที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่)
ที่ย่านโลว์ทาวน์ (Low Town) ในมาดริพัวร์ (Madripoor) ชายคนหนึ่งถูกห้ามไม่ให้เข้าไปในบาร์ แต่เมื่อเขาโชว์เข็มกลัดที่มีสัญลักษณ์งูพิษ บอดี้การ์ดร่างบึ้กและพีอาร์สาวหน้าร้านก็ถึงกับหน้าซีดและยอมให้เขาเข้าไปข้างในทันที หลังจากที่เขาบอกบาร์เทนเดอร์ว่าเขามีนัดกับใครบางคนที่นี่ บาร์เทนเดอร์จึงชี้บอกทางไปยังห้องพิเศษที่คนที่เขานัดไว้รออยู่ทันที
นั่นคือชายท่าทางลึกลับที่ใส่แว่นกันแดดทั้งๆที่อยู่ในบาร์และมีผ้าพันแผลอยู่ที่มือทั้งสองข้างซึ่งโอบหญิงสาวสองคนไว้อยู่ข้างกาย
วาระสุดท้าย
ของวูล์ฟเวอรีน
บทที่สอง
ของวูล์ฟเวอรีน
บทที่สอง
ชายคนแรกแนะนำตัวเองว่าชื่อ โคโร (Koro) ซึ่งเขาเป็นลูกน้องของไวเปอร์ (Viper) และได้ยินว่าชายลึกลับคนนี้มีสิ่งของที่จะขายและเชื่อว่าไวเปอร์จะต้องซื้อ โคโรจึงขอดูของที่ชายลึกลับนำมา
และของสิ่งนั้นก็คือ หมวกเกราะของชุดไอร่อนแมน!!?
Koro : พระเจ้า...
ชายลึกลับ : นี่คือมาร์คไนน์ (Mark IX) เวอร์ชั่นที่ใหม่กว่านี้มีแต่ที่อยู่บนหัวของโทนี่สตาร์คเท่านั้น
Koro : ขอชั้น... ขอชั้นลอง... ?
ชายลึกลับ : ตามสบายเลย
ในหนัง Iron Man 3 นี่มีไปถึงมาร์คโฟร์ตี้ทู (Mark XLII) แล้วนะครับ ซึ่งก้าวกระโดดมากจากใน The Avengers ที่ยังเป็นแค่มาร์คเซเว่น (Mark VII) อยู่เลย ส่วนในคอมมิคนี่ผมก็ไม่แน่ใจนะครับว่าชุดเกราะล่าสุดคือมาร์คอะไร เพราะในคอมมิคนี่ชุดเกราะหลังๆจะเป็นชื่อเรียกเฉพาะเลย ไม่ได้ใช้ตัวเลขกำกับเป็นมาร์คแบบในหนัง
โคโรซึ่งยังไม่แน่ใจว่านี่เป็นแค่ของเลียนแบบเกรดเอรึเปล่า จึงหยิบหมวกมาร์คไนน์มาทดลองใส่ดูทันที
หลังจากมองออกไปข้างนอกแล้วเห็นระบบการแสกนอาวุธและข้อมูลส่วนตัวของคนที่อยู่ในบาร์แห่งนั้นขึ้นบนหน้าจอของหมวก ทำให้โคโรมั่นใจว่านี่เป็นหมวกของชุดไอร่อนแม่นของแท้แน่นอน และบอกว่าจะพาชายลึกลับไปพบกับไวเปอร์ทันที
Koro : นี่คือคนที่บอกว่ามีของมานำเสนอ เขามีสิ่งที่เขาอ้างจริงๆ ผมตรวจสอบแล้วด้วยตัวผมเอง
ชายลึกลับ : เฮ้ ที่รัก
Viper : ไวเปอร์ ไอ้โง่เอ๊ย แกไม่รู้หรือไงว่านั่นใคร ? หมอนี่มีค่ามากกว่าไอ้หมวกงี่เง่านั่นเป็นพันเท่า!
Koro ? อะไรนะ ? หมอนี่คือใคร--
ชายลึกลับ : เอ้อ ขอโทษด้วยนะโคโร ไวเปอร์กับชั้นมีอดีตกันนิดหน่อยนะ ถึงขั้นเคยแต่งงานกันด้วยซ้ำ
ชายลึกลับ : ใช่มั๊ยละ สุดสวย ?
Viper : จับมันไว้!
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย : ไวเปอร์ หรือ มาดามไฮดร้า ปรากฎตัวในภาพยนต์ The Wolverine และในคอมมิคนี่โลแกนเคยแต่งงานกับไวเปอร์จริงๆนะครับ แต่รายละเอียดลึกๆ ผมก็ไม่รู้ว่าไปแต่งกันได้ยังไง แล้วทำไมถึงเลิกกัน
เหล่าลูกสมุนของไวเปอร์ต่างกรูกันเข้าไปเล่นงานชายลึกลับทันที แต่ชายลึกลับที่คนอ่านคงจะรู้กันตั้งแต่แรกแล้วว่าเป็นป๋าวูล์ฟเวอรีน (Wolverine) หรือป๋าโลแกน (Logan) ของเราปลอมตัวมานั่นเอง แค่ยืนอยู่กับที่ก็สามารถรับมือกับลูกสมุนของไวเปอร์ที่กรูกันเข้ามาได้อย่างง่ายดาย
หลังจากโลแกนโชว์เทพจัดการลูกสมุนของไวเปอร์ลงได้จนหมดก็หิ้วกระเป๋าเดินเข้าไปคุยกับไวเปอร์แบบชิลล์ๆ
Wolverine : ว่าไง... มาคุยกันหน่อยมั๊ย
Viper : ได้ งั้นนายได้หมวกนั่นมาได้ยังไง ?
โลแกนจึงบอกไปแต่เพียงแค่ว่าสตาร์คติดหนี้เขาอยู่และถามว่าไวเปอร์ต้องการอะไรกันแน่ถึงตั้งค่าหัวให้คนตามล่าตัวเขาแต่กลับไม่ต้องการให้เขาตาย ไวเปอร์ก็บอกว่าเธอเพียงแค่รับงานต่อมาจากลูกค้าอีกทีเท่านั้น และลูกค้าก็จ่ายหนักซะด้วย ไม่มีอะไรนอกเหนือไปกว่านั้น และยังบอกว่าลูกค้าคนนี้ทำธุรกิจมืดหลายอย่าง ทั้งปล้นเครื่องบิน ลักพาตัว ขโมยสมบัติจากพิพิธภัณฑ์ และยังอยากได้แม้แต่รูปปั้นของฮัลค์
Wolverine : เลิกโยกโย้ได้แล้วน่า ไวเปอร์ บอกมาใครคือลูกค้าของเธอ ?
Viper : ใจเย็นสิที่รัก ชั้นจะบอกนายเองแหละ นายแค่ต้องเจอกับเจ้านี่ก่อน
Viper : จัดการหมารับใช้ของชั้นตัวนี้ให้ได้ แล้วชั้นจะบอกนายทุกอย่าง
ไวเปอร์กระตุกโซ่ในมือซึ่งล่ามเอาไว้กับคนผู้หนึ่งให้ปรากฎตัวออกจากเงามืดมาอยู่ต่อหน้าโลแกน
และชายคนนั้นก็คือ วิคเตอร์ ครีด (Victor Creed) หรือ เซเบอร์ ทูธ (Sabretooth) คู่รักคู่แค้นตลอดกาลของโลแกนนั่นเอง
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย : เซเบอร์ ทูธ ปรากฎตัวในหนัง X-Men ภาคแรก และใน Wolverine: Origin ซึ่งมีจุดที่น่าสนใจคือในภาคแรกนั้น ทั้งโลแกนและเซเบอร์ทูธ ทั้งคู่ไม่ได้มีท่าทีจะรู้จักกันเลย แต่ในภาคออริจินกลับเปิดเผยว่าทั้งคู่เติบโตมาด้วยกันตลอด (โดยในภาคออริจินจะไม่เรียกเซเบอร์ทูธ แต่จะเรียกว่าวิคเตอร์แทน) ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นผลจากการที่ผู้กำกับทั้ง 2 ภาคเป็นคนละคนกันด้วย แต่ถ้าจะให้แถให้เรื่องราวในภาคนี้ปะติดปะต่อกันได้ ก็คงต้องแถว่าหลังจากเรื่องราวในภาคออริจิน เซเบอร์ทูธอาจจะถูกจับตัวไปทดลองเอาเนื้อเยื่อสมองออกไปแบบที่มิสทีคโดนในภาค DoFP ก็ได้เลยทำให้ความจำเสื่อมจำวูล์ฟเวอรีนไม่ได้ เพราะในหนังภาคแรกเราก็พอจะเห็นพี่แกเอ๋อๆไม่พูดไม่จาอะไรเลยด้วยอะนะ ส่วนป๋าวูล์ฟเราก็รู้กันอยู่แล้วว่าตอนจบภาคออริจินแกโดนกระสุนอะดาแมนเทียมยิงก็เลยความจำเสื่อม เพราะงั้นก็ไม่มีทางจำเซเบอร์ทูธได้อยู่แล้ว บลา บลา บลา
Viper : ชั้นเชื่อว่าพวกนายทั้งสองคนมีอดีตกันอยู่ใช่มั๊ย ?
Sabretooth : ไม่มีอะไรซักหน่อย
Wolverine : ครีด เธอได้ตัวนายมาได้ยังไง ?
Sabretooth : เธอพาชั้นออกมาจากคุก หลังจากนั้นมันก็อะไรแบบที่แกเดาได้นั่นแหละ เธอก็ใช้พิษกับชั้น
Viper : ถ้าหมอนี่ทำตัวเป็นหมารับใช้เชื่องๆ มันก็จะได้ยาแก้พิษในแต่ละวัน แต่ถ้ามันไม่เชื่อฟังละก็ มันก็ตาย
Viper : มันสนุกดีนะ แต่ตอนนี้ชั้นคิดว่าชั้นเจอเกมที่สนุกกว่านั้นแล้ว
Viper : ชั้นต้องการเห็นใครซักคนตายอยู่ที่นี่ ตอนนี้ ชั้นไม่สนว่าจะเป็นใคร คนที่รอดจะได้สิ่งที่ต้องการ เริ่มได้แล้ว
ภพเหตุการณ์ที่ทั้งคู่เคยต่อสู้กันมาในอดีตผุดขึ้นมาในหัวของโลแกน
ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด นี่เป็นภาพเหตุการณ์ตอนที่วูล์ฟเวอรีนฆ่าเซเบอร์ทูธน่ะครับ ซึ่งผมก็ไม่เคยอ่านนะ แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลังจากนั้นมาร์เวลใช้ดราก้อนบอลของโลกหรือดาวนาเม็กฟื้นชีวิตเซเบอร์ทูธขึ้นมาใหม่ :-P
แต่ในความเป็นจริงกลับเป็นโลแกนที่ถูกเล็บของเซเบอร์ทูธตะปบเข้าเต็มเบ้าตาจนกระเด็นไป ร่างกายที่ปราศจากฮีลลิ่งแฟคเตอร์แล้วต้องกระเสือกกระสนไปหยิบเอาหมวกไอร่อนแมนมาร์คไนน์ออกมาจากกระเป๋า ก่อนที่โลแกนจะกดปุ่มอะไรบางอย่างภายในหมวกและปามันออกไป
เซเบอร์ทูธที่โง่ เอ่อ.. เรียกว่าคิดไม่ถึงแล้วกัน ก็รับหมวกไอร่อนแมนเอาไว้ก่อนที่มันจะระเบิดตูมเข้าใส่หน้าเขาเต็มๆ
Sabretooth : แค่นี้ไม่พอหรอกน่า โลแกน ไม่ใช่สำหรับคนอย่างพวกเรา
ก่อนที่เขาจะกระโจนเข้าใส่โลแกนอีกครั้ง
เซเบอร์ทูธก็มีฮีลลิ่งแฟคเตอร์เช่นเดียวกับวูล์ฟเวอร์รีนเหมือนกันครับ แต่ดูเหมือนตอนนี้เขาจะยังไม่รู้ว่าป๋าวูล์ฟเราสูญเสียฮีลลิ่งแฟคเตอร์ไปแล้ว
แต่ทันใดนั้น ผู้หญิงคนหนึ่งก็กระโจนเข้าใส่เซเบอร์ทูธซะก่อนที่เขาจะเข้าถึงตัวโลแกน และกระหน่ำแทงเขาด้วยกรงเล็บจากมือทั้งสองข้างของเธอ
เธอก็คือ ยูริโกะ โอยาม่า (Yuriko Oyama) หรือ เลดี้ เดธสไตรค์ (Lady Deathstrike) นั่นเอง แต่ก่อนที่เธอจะฆ่าเซเบอร์ทูธ โลแกนก็เอ่ยปากห้ามเธอเอาไว้ก่อน
Wolverine : เขาถูกพิษแล้วก็ล่ามโซ่อยู่นะ เห็นแก่พระเจ้าเถอะน่า ถ้ามันจะเกิดขึ้น มันไม่ควรจะเกิดขึ้นแบบนี้
Lady Deathstrike : อืม
เลดี้ เดธสไตรค์ จึงใช้กรงเล็บของเธอตัดโซ่ที่ล่ามเซเบอร์ทูธออก
Lady Deathstrike :: ความอ่อนแอของแกช่วยชีวิตแกไว้นะ ไปซะ
Sabretooth : วูล์ฟเวอรีน... ทำตัวเป็นฮีโร่อยู่ตลอดเลยนะ ช่วยชีวิตชั้นงั้นหรอ เห๊อะ มันไม่ได้ต่างอะไรไปจากชั้นหรอก ไม่เคยต่างเลยด้วย มันแค่อยากจะฆ่าชั้นด้วยตัวมันเองวันใดก็วันหนึ่งแค่นั้นแหละ ใช่มั๊ยล่ะ โลแกน ?
แต่โลแกนไม่สนใจที่จะต่อปากต่อคำกับวิคเตอร์
Wolverine : แกได้ยินที่เธอพูดแล้วนี่ ไปซะ
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย : เลดี้ เดธสไตรค์ ปรากฎตัวในภาพยนต์ X2: X-Men United ซึ่งในภาพยนต์เธอจะมีฮีลลิ่งแฟคเตอร์เหมือนโลแกนและฉีดอะดาแมนเทียมเข้าไปในตัวเช่นเดียวกัน แต่ในคอมมิคเธอไม่ได้มีพลังฮีลลิ่งแฟคเตอร์นะครับ ทำให้มีข้อสงสัยว่าเธอในเมื่อเธอไม่มีฮีลลิ่งแฟคเตอร์ แล้วเธอใส่อะดาแมนเทียมเข้าไปในร่างกายได้อย่างไรโดยไม่ตาย ก่อนจะมีการเปิดเผยในภายหลังว่า สไปรัล (Spiral) ได้ใช้เวทมนต์ช่วยในการใส่อะดาแมนเทียมเข้าไปในร่างกายของเธอ ทำให้เธอไม่ตายจากพิษอะดาแมนเทียมนั่นเอง
พอโลแกนหันมาถามยูกิโกะถึงไวเปอร์ เธอก็บอกว่าไวเปอร์หนีไปตั้งแต่ตอนที่เธอกระโจนเข้าใส่เซเบอร์ทูธแล้ว ก่อนที่โลแกนจะถามยูกิโกะต่อว่าเธอมาทำอะไรที่นี่
Lady Deathstrike : ชั้นมาที่นี่เพราะนายนั่นแหละ โลแกน
Wolverine : เธอก็มาล่าชั้นด้วยหรอ ? ไม่อยากพูดว่าชั้นประหลาดใจนะ ท่าทางชั้นคงจะมีค่ามากจริงๆ เอาเถอะ ถือซะว่าเธอชนะแล้วกัน แก๊สชั้นหมดถังล่ะ สู้อีกไม่ไหวแล้ว
Lady Deathstrike : นายกำลังเข้าใจผิด การตั้งค่าหัวนั่น--- นายไม่ใช่แค่เป้าหมายเพียงคนเดียว
Wolverine : เธอกำลังพูดบ้าอะไรเนี่ย ?
Lady Deathstrike : ชั้นก็อยู่ในรายชื่อเป้าหมายเหมือนกัน และคนอื่นๆด้วย ใครก็ตามที่เหมือนพวกเรา ชั้นคิดว่าครีดก็ด้วย ยกเว้นแต่ว่าไวเปอร์จะสามารถเอาชื่อเขาออกจากลิสต์ได้และเก็บเขาไว้ใช้งานเอง พวกมันกำลังตามล่าเรา โลแกน
Wolverine : ไวเปอร์พูดอะไรซักอย่างเกี่ยวกับลูกค้า--อะไรซักอย่างเกี่ยวกับแผน เธอพอจะรู้-- ?
Lady Deathstrike : ไม่ ชั้นยังไม่รู้ ชั้นรู้เพียงแค่ว่า--ชั้นออกจากญี่ปุ่นมาที่นี่แล้วรู้เรื่องค่าหัวนี่ เรื่องรายชื่อจากนักล่าอีกคนนึง คนที่อันตรายมากๆ ที่ชั้นหนีมาได้อย่างแทบจะเอาชีวิตไม่รอด
Wolverine : ใคร ?
Lady Deathstrike : โอกัน (Ogun)
Wolverine : พระเจ้า โอกันหรอ
Lady Deathstrike : ใช่ นั่นแหละทำไมชั้นถึงตามนายมาจนถึงที่นี่ ถึงมาดริพัวร์ ชั้นคิดว่าเราน่าจะปล่อยวางเรื่องขัดแย้งของเราไปก่อนแล้วมาทำงานร่วมกันเพื่อจะค้นหาความจริงว่าศัตรูของพวกเราเป็นใครและจัดการกับมันซะ เรื่องนี้มันแย่มากๆ ชั้นก็ตะขิดตะขวงใจที่จะพูดอย่างนี้เหมือนกัน แต่ ชั้นต้องการความแข็งแกร่งของนาาย โลแกน ชั้น-- หืม
Lady Deathstrike : ทำไมตาของนายถึงไม่รักษาตัวมันเองล่ะ ? แล้วทำไมนายถึงไม่ใช้กรงเล็บของนายตอนสู่กับครีด ? เกิดอะไรขึ้นกับนายกันแน่โลแกน ?
Lady Deathstrike : ...อา ชั้นรู้ล่ะ นายสูญเสียพลังไป นายช่วยชั้นไม่ได้ซะแล้ว แต่บางทีชั้นอาจจะแลกเปลี่ยนชีวิตนายกับชีวิตชั้นได้ มันเป็นเกียรติใช่มั๊ยล่ะ โลแกนซัง ? นายตายแล้วให้คนอื่นได้อยู่ต่อไง ?
Wolverine : อาา ไม่เอาน่า
ยูกิโกะเปลี่ยนท่าทีของเธอทันทีและกางกรงเล็บอะดาแมนเทียมของเธอออกมาเพื่อเตรียมจะสังหารโลแกน แต่มีเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังของเธอซะก่อน
??? : รู้อะไรมั๊ย...
Kitty Pryde : ... ชั้นว่าไม่นะ
คิตตี้ ไพรด์ (Kitty Pryde) ที่อยู่ดีๆ ก็ปรากฎตัวขึ้นมาด้านหลัง แล้วใช้แขนทั้งคู่ของเธอทะลุเข้าไปในตัวของยูกิโกะด้วยพลังพิเศษของเธอทันที
ตามแบบฉบับของฮีโร่ที่ดีที่ต้องเล่นงานวายร้ายจากด้านหลังนะครับ บอกตรงๆว่าตั้งแต่อ่านคอมมิคมา ผมอ่านเจอฉากฮีโร่เล่นงานวายร้ายจากด้านหลัง กับฉากฮีโร่รุมตื๊บวายร้ายบ่อยกว่าฉากที่วายร้ายทำแบบนั้นกับฮีโร่ซะอีกนะ
Wolverine : เฮ้ คิตตี้
ตอนต่อไป:
ญี่ปุ่น!
จบเล่ม 2.
***อ่านจบแล้วก็คอมเมนท์กันหน่อยสิเธอว์***
------------------------------------------------------------------------------------------
คุยกันท้ายเล่ม
ตอนนี้ Death of Wolverine ก็ออกมาจนถึงเล่มจบ คือ เล่มที่ 4 ไปแล้วนะครับ ซึ่งผมเองก็ยังไม่ได้อ่านเหมือนกันแหละ เก็บไว้ลุ้นไปพร้อมๆกันนะ บอกตรงๆว่า เล่ม 2 นี่ผมก็อ่านไปแล้วก็พิมพ์แปลสปอยล์ไปพร้อมๆกันเลย โดยส่วนตัวที่อ่านมา 2 เล่มแล้วก็รู้สึกว่ามันยังธรรมดาๆไปหน่อยนะครับ ยังดูไม่คู่ควรกับการเป็นส่วนหนึ่งของความตายของตัวละครที่ได้ชื่อว่าโด่งดังที่สุดของมาร์เวลตัวนึงเลย แต่ถ้ามองอีกมุมนึงมันก็พอจะได้กล่าวได้ว่า ต่อให้ทั้งชีวิตผ่านเหตุการณ์ที่โลดโผนมามากมายแค่ไหนก็ตาม บางทีความตายมันก็กลับเรียบง่ายได้อย่างไม่น่าเชื่อเช่นกัน
ตอนนี้ Death of Wolverine ก็ออกมาจนถึงเล่มจบ คือ เล่มที่ 4 ไปแล้วนะครับ ซึ่งผมเองก็ยังไม่ได้อ่านเหมือนกันแหละ เก็บไว้ลุ้นไปพร้อมๆกันนะ บอกตรงๆว่า เล่ม 2 นี่ผมก็อ่านไปแล้วก็พิมพ์แปลสปอยล์ไปพร้อมๆกันเลย โดยส่วนตัวที่อ่านมา 2 เล่มแล้วก็รู้สึกว่ามันยังธรรมดาๆไปหน่อยนะครับ ยังดูไม่คู่ควรกับการเป็นส่วนหนึ่งของความตายของตัวละครที่ได้ชื่อว่าโด่งดังที่สุดของมาร์เวลตัวนึงเลย แต่ถ้ามองอีกมุมนึงมันก็พอจะได้กล่าวได้ว่า ต่อให้ทั้งชีวิตผ่านเหตุการณ์ที่โลดโผนมามากมายแค่ไหนก็ตาม บางทีความตายมันก็กลับเรียบง่ายได้อย่างไม่น่าเชื่อเช่นกัน
Musashi
เล่มนี้มันดูธรรมดาไปนิดนึงจริงๆ นะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเห็นด้วยทุกประโยคเลย ฮ่าๆๆ
ตอบลบนั่นสิพี่ ผมรอลุ้นเล่ม 3-4 เนี่ย ยังไม่ได้อ่านเลยเหมือนกัน หวังว่ามันจะมีอะไรให้อ่านแล้วรู้สึกว่ามัน Epic กว่านี้หน่อยนะ นี่มันธรรมดาเอามากๆ
ลบอ่านจบ 4 เล่ม ผมว่ามันไม่มี Epic สักเท่าไร เป็นอีเวนต์การตายธรรมดาผิดคาดจาการโปรโมตมากจริงๆ
ลบสงสัยมาร์เวลใช้หลัก สูงสุดคืนสู่สามัญ หรือบางทีมาร์เวลอาจจะตั้งใจตัดหาง FOX แบบสุดๆ เลยให้ตัวละครระดับวูล์ฟเวอรีนยังตายกันแบบเรียบๆง่ายๆ แบบนี้เลยรึเปล่าหนอ ?
ลบเซเบอร์ทูธ ตายเพราะดาบคำสาป มุราบาซะนะครับถ้าจำไม่ผิด
ตอบลบอ้าว! งั้นแปลว่าผมมั่วแล้วครับ ฮ่าๆๆ.. ไปได้ยินมาจากไหนหว่าว่าโดนเฮียวูล์ฟฆ่า โทษทีๆ แหะๆ
ลบถ้าจำไม่ผิดโดนวูล์ฟฆ่าด้วยดาบมุรามาสะ(ที่ลบพลังHealing Factorได้)
ลบส่วนตัวที่เห็นในเล่มนี้มาจากโลก Age of Apocalypse
โดนเฮียวูฟฆ่าด้วยดาบมุรามาสะนั่นแหละครับ
ลบhttp://pantip.com/topic/32546719/comment14